บังคับใช้แล้ว! กฎหมาย JSOC ป้องกันการทำความผิดซ้ำ

กฎหมาย JSOC บังคับใช้แล้ว! ปล่อยตัวผู้พ้นโทษกระทำผิดซ้ำ ชุดแรก 29 ราย – ให้ใส่กำไล EM

ปัจจุบัน เรามักจะเคยได้เห็นข่าวผู้ต้องหาที่เกี่ยวกับคดีทางเพศ พ้นโทษออกมาแล้วกลับมาก่อคดีซ้ำอีก ซึ่งเรื่องนี้ ทำให้สังคมต่างตั้งคำถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีกฎหมายเฉพาะ เพื่อป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 66 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ประชุมคณะกรรมการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางกรอบนโยบายในการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ

โดยนาย สมศักดิ์ กล่าวว่า พ.ร.บ.มาตรการป้องกันกากระทำผิดซ้ำ ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง หรือ กฎหมาย JSOC เริ่มบังคับใช้ วันที่ 23 ม.ค. 66 ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายนี้อย่างเคร่งคัด เพื่อที่จะสามารถนำความปลอดภัยกลับสู่สังคม

ทั้งนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการต่างๆ ตามกฎหมายฉบับนี้ โดยใส่กำไลอีเอ็มกับบุคคลอันตราย รวมถึงการใช้มาตรการคุมขังฉุกเฉิน หาพบผู้ถูกเฝ้าระวังมีพฤติกรรมเสี่ยง โดยเรื่องนี้ ศาลจะเปิดเวลาทำการเสาร์และอาทิตย์ เพื่อรองรับการขอสั่งคุมขังฉุกเฉินภายใน 7 วัน

อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ ได้ระบุด้วยว่า กฎหมายป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ มีผลบังคับใช้แล้ว โดยใช้ระยะเวลาในการยกร่าง 1 ปี 7 เดือน ซึ่งจากนี้ กระทรวงยุติธรรม ก็จะต้องทำกฎกระทรวงควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ มีประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้ ภายหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ ก็จะมีผู้ต้องขัง ที่จะพ้นโทษ จำนวน 29 ราย ในฐานความผิด เกี่ยวกับเพศ ชีวิตร่างกาย และเสรีภาพ ต้องถูกเฝ้าระวังตามมาตรการต่างๆ อย่างการใส่กำไลอีเอ็ม สูงสุดไม่เกิน 10 ปี แต่ถ้าประพฤติตัวดี ก็สามารถขอลดระยะเวลาการใส่กำไลอีเอ็มได้

ซึ่งผู้ที่กระทำความผิดตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนด ถึงแม้เกิดก่อนกฎหมายบังคับใช้ แต่เป็นคดีในชั้นศาลแล้ว ก็สามารถบังคับใช้มาตรการต่างๆ ตามบทเฉพาะกาลได้

นอกจากนี้ การบำบัดฟื้นฟู จะมีตั้งแต่การอยู่ในเรือนจำ ตามการพิจารณาของทีมแพทย์ก่อนปล่อยตัว จากนั้นจะเข้าสู่มาตรการเฝ้าระวังด้วยการใส่กำไลอีเอ็ม ตามที่คณะกรรมการพิจารณา กำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ เสนออัยการเพื่อให้ศาลสั่งใช้มาตรการต่างๆ และยังจะนำกฎหมายนี้ไปสู่การนำไปใช้ในกลุ่มผู้ติดยาเสพติด ที่เกิดอาการหลอน ควบคุมตัวเองไม่ได้ เข้าสู่การบำบัดและติดกำไลอีเอ็มเพื่อเฝ้าระวัง

ขณะที่กรณีการโยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ปรับเปลี่ยน เพื่อให้องค์กรอยู่ได้ โดยต้องได้รับความเชื่อมั่นจากสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้องค์กรเดินได้ ส่วนเรื่องการตรวจสอบต่างๆ ก็ต้องดำเนินการตรวจสอบตามที่ตนตั้งกรรมการสอบไปแล้ว ซึ่งจะมีการรายงานความคืบหน้าบางส่วน โดยหากพบส่วนใดผิด ก็ขอยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างเต็มที่ ไม่ละเว้นใครทั้งสิ้น เพราะเรื่องนี้ ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากตั้งใจทำงาน ทั้งเรื่องการฟอกเงิน ยาเสพติด มาเหนื่อยมาก จะให้มาเสียหายเพราะใครไม่ได้ พร้อมให้ความมั่นใจว่า ตนไม่มีเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา อย่างแน่นอน

คลิปอีจันแนะนำ
แกร็บยัน สาวไต้หวันเมาโวยหนัก ตำรวจไม่ได้รีดเงิน!