หญิงวัยกลางคน ถูกฆาตกรรมนอนเปลือยเสียชีวิตในห้องเช่า

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (28 ก.ค. 62) เกิดเหตุพบศพหญิงวัยกลางคน นอนเปลือยเสียชีวิต อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำในห้องเช่า ที่ ถนนมิตรภาพซอย1 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก่งคอย พร้อมตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางนันทนา อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นคนงานในโรงงานแปลรูปไก่สดแห่งหนึ่ง

โดยที่เกิดเหตุ พบศพนางนันทนา นอนเสียชีวิตด้วยสภาพเปลือยเปล่า อยู่บริเวณหน้า ห้องน้ำ ตามลำตัวและแขนขา มีบาดแผล จากคมมีดหลายแห่งประมาณ 14 แผล ส่วนบริเวณหน้าอก ผู้ตาย มีบาดแผลฉกรรจ์คล้ายคมมีด คาดว่าเป็นสาเหตุให้ นางนันทนา เสียชีวิต ในจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในห้องเช่า พบร่องรอยเลือดของผู้ตายแห้งเกรอะกรังอยู่ทั่วบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงก่อนพบศพ ในที่เกิดเหตุยังพบข้าวของผู้ตายกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้อง

หลังจากสอบถาม นาย ซาอูดิ จะมุ อายุ 42 ปีแฟนผู้ตายและเป็นผู้พบศพคนแรก ทราบว่า ก่อนจะมาพบศพ ซาอุดิ
ไปรับเพื่อน ชื่อนายยงยุทธ อายุ20ปี จากนั้นขี่จักรยานยนต์มาหาผู้ตาย ช่วง2ทุ่มกว่า แต่ประตูหน้าห้องล็อคจึงร้องเรียกแต่ผุ้ตายไม่ตอบรับ ตนเองจึงเอื้อมมือสอดเข้าไปช่องบานเกล็ดหน้าต่าง แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบแฟนตนเองนอนตัวแข็ง มีเลือดไหลทั่วร่างจึงพยายามพยุงร่างแฟนแต่ไม่สำเร็จ ซึ่งไม่ทราบว่าผู้ตายเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ในขณะนั้นตนเองไม่พบอาวุธที่ทำร้ายผู้ตาย

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐาน พร้อมสอบพยานในจุดเกิดเหตุ ส่วนอาวุธมีดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุฆ่านางนันทนา ตำรวจนั้นไม่พบในจุดเกิดเหตุ เชื่อว่าคนร้ายนำติดตัวไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื้อแฟนผู้ตาย เนื่องจากให้การวกวนคล้ายคนเมา อีกทั้งเพื่อนที่มาด้วยได้ยินเสียงทั้งคู่เหมือนหยอกล้อเล่นกัน แต่กลับพบว่า นายซาอูดิ เดินร้องไห้มาบอกกับตนเองว่าแฟนตายแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวทั้ง 2 คนไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งส่วน ศพนาง นันทนา ทางเจ้าหน้าที่ส่งไปตรวจหาน้ำอสุจิในช่องคลอด เพื่อตรวจสอบว่าผู้ตายถูกข่มขืนหรือ ไม่เนื่องจากผู้ตาย นอนเปลือยกาย และมีร่องรอยการต่อสู้ ซึ้งตำรวจตั้งปมสังหาร ชิงทรัพย์และข่มขืน ส่วนความขัดแย้งกับแฟนผู้ตาย ตำรวจยังไม่ตัดทิ้ง เนื่องจากต้องรอผลตรวจ ดีเอ็นเอ จากเล็บผู้ตาย และหลักฐานลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย ในจุดเกิดเหตุจาก ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง