ย้อนคดีสังหาร เอ็กซ์ จักรกฤษณ์

19 ตุลาคม 2556 ชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ ไม่ทราบทะเบียน ตามกระหน่ำยิงไปที่รถเก๋งปอร์เช่ สีดำ ทะเบียน 2223 กรุงเทพมหานคร ตลอดเส้นทางรามคำแหง แต่รถปอร์เช่ขับหนีไปได้หลายกิโล จนถึงหน้าวัดบำเพ็งใต้ รถปอร์เช่ก็หยุดชะงัก ก่อนที่จักรยานต์จะหายไปในซอยมิสทีน ชาวบ้านรีบวิ่งเข้าไปมุงดู พบคนขับรถปอร์เช่คือ “เอ็กซ์” จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย นอนหายใจโรยรินอยู่บนที่นั่งฝั่งคนขับ และมี น้ำหวาน แม่บ้านวัย 19 ปี นั่งมาเคียงข้างขดตัวหลบกระสุนอยู่ หลังเกิดเหตุเพียง 5 นาที หมอนิ่ม พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ก็มาถึง และช่วยปฐมพยาบาล และส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาล แต่ในที่สุด นาย เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ตำรวจเร่งแกะรอยปมสังหารโหด ตั้งประเด็นไว้ 3 ประเด็น ทั้งเรื่องเกี่ยวพันยาเสพติด ,ขัดแย้งทางธุรกิจพระเครื่อง รวมถึงความขัดแย้งกับสมาคมยิงปืน แต่เมื่อสืบไม่นาน ตำรวจก็ตัดประเด็นทั้ง 3 ทิ้ง เนื่องจากไม่พบความเชื่อมโยงที่ทำให้เกิดการฆาตกรรมอุกอาจนี้ขึ้น

แต่เเล้วตำรวจก็พบประเด็นน่าสงสัย เมื่อย้อนทามไลน์ชีวิตของ เอ็กซ์ ไปเมื่อ 4 เดือนก่อน เขามีคดีความกับ หมอนิ่ม ภรรยาตัวเอง ฐานทำร้ายร่างกายและใช้ปืนข่มขู่หมอนิ่ม โดยอ้างว่าเอ็กซ์ติดยาไอซ์ จนประสาทหลอน จนทำให้เอ็กซ์โดนจำคุก แต่ขณะที่เอ็กซ์ถูกจำคุกอยู่ ตู้เซฟในธนาคารของเขากลับมีคนปลอมหนังสือมอบอำนาจเอาทรัพย์สินออกไป 60 ล้านบาท

เมื่อ เอ็กซ์ ถูกปล่อยตัวชั่วคราว จึงไปแจ้งความ หมอนิ่ม ฐาน ลักลอบขนทรัพย์สินในตู้นิรภัย แต่หมอนิ่มปฏิเสธข้อกล่าวหาลักทรัพย์ เนื่องจากอ้างว่า เอ็กซ์ ให้กุญแจไว้ที่ตน 1 ดอก และอนุญาตให้ไขตู้เซฟได้ตลอดเพราะถือเป็นทรัพย์สินร่วมกัน และนำทรัพย์สินเหล่านั้นออกมาเพื่อดูแลลูกทั้ง 2 คน พร้อมขอให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ มาคุ้มครองตนเองและลูก เเต่สุดท้ายเเล้ว หมอนิ่ม ก็ให้อภัย เอ็กซ์ เเต่ยังไม่ขอกลับไปอยู่ด้วย เพราะอยากให้เอ็กซ์ พิสูจน์ตัวเองก่อน จนเวลาผ่านไป 1 เดือน ก็เกิดเหตุการณ์ สังการโหดเกิดขึ้น

เมื่อไล่เรียงเหตุการณ์ได้ดังนี้ ตำรวจจึงยกประเด็นความขัดแย้งของ เอ็กซ์ และครอบครัวหมอนิ่มขึ้นมาเป็นประเด็นหลัก และเรียกครอบครัวหมอนิ่มเข้ามาสอบปากคำ จนพบเบาะแส คนบงการฆ่า เเละทำให้การทำงานของตำรวจรวดเร็วขึ้นทันตาเห็น 

9 พ.ย.56 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ก็สามารถจับมือปืนสังหาร เอ็กซ์ ได้ คือ นายจิรศักดิ์ กลิ่นคล้าย สารภาพว่ารับงานจาก น.ส.วรพรรณภูรี มนตรีอารีกุล หรือเจ๊แหม่ม และทนายอี๊ด สันติ ทองเสน ด้วยค่าจ้าง 2 แสน โดยแบ่งกับนายธวัชชัย เพชรโชติ คนขับมอเตอร์ไซค์ คนละ 1 แสนบาท

10 พ.ย. 56 ผ่านไป 1 วัน ตำรวจจับ ทนายอี๊ด และ เจ๊แหม่ม ได้โดยสารภาพว่ารับจ้างมาจาก นางสุรางค์ ดวงจินดา แม่ของหมอนิ่ม ในราคา 1.2 ล้านบาท 

11 พ.ย. 56 หมอนิ่ม พานางสุรางค์ เข้ามอบตัว โดยนางสุรางค์ สารภาพว่า "ทนไม่ได้ที่เห็นลูกสาวโดน เอ็กซ์ ทำร้ายหนักถึงกับแท้งลูกคนที่ 3 และยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้หมอนิ่มไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย เป็นฝีมือของตนเองทั้งหมด" ส่วนหมอนิ่ม กล่าวว่า "หากรับผิดแทนแม่ได้ก็พร้อมจะทำ และที่ครอบครัวจบลงวันนี้เพราะยาเสพติดและความรุนแรง อยากให้ทุกคนดูไว้เป็นอุทาหรณ์" แต่สุดท้าย ทั้งหมดรวมถึงหมอนิ่ม ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจ้างวาน ใช้ ยุยง ส่งเสริมให้ฆ่า และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน เนื่องมาจากความขัดแย้งในครอบครัว 

19 ธ.ค. 59 ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต “หมอนิ่ม” พร้อม “ทนายอี๊ด” ส่วนมือปืนและคนขี่รถรถจักยานต์ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนแม่หมอนิ่มศาลยกฟ้อง
แต่ต่อมา วันที่ 21 ธ.ค. 59 ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว หมอนิ่ม โดยตีราคาประกัน 2.5 ล้านบาท

ล่าสุดวันนี้ (8 พ.ค. 61) ศาลมีนบุรี นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีจ้างวานฆ่า เอ็กซ์ กับจำเลยทั้ง 5 แต่ภายหลัง ศาลมีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นวันที่ 21 มิ.ย. 2561 เนื่องจากคำพิพากษายังไม่แล้วเสร็จ แต่ หมอนิ่ม ขอเลื่อนเป็นวันที่ 26 มิ.ย. 61 เวลา 10.00 น. เนื่องจากติดประชุมผู้ปกครองของลูกชาย คนเล็ก 

ด้านนางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม แม่ของนายเอ็กซ์ จักร์กฤษณ์ ที่เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา ได้เปิดเผยความรู้สึกว่า วันนี้ตนได้เจอกับหมอนิ่ม ซึ่งหมอนิ่มก็ยังเข้ามาไหว้ เเละเเจ้งว่าศาลขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 26 มิ.ย. เนื่องจากต้องไปประชุมผู้ปกครอง เมื่อตนได้ยินอย่างนั้น น้ำตาก็ไหล เพราะเป็นห่วงหมอนิ่มที่ต้องทำหน้าที่พ่อเเละเเม่ เลี้ยงดูหลานทั้ง 2 ตนไม่โกรธหมอนิ่ม และอโหสิตั้งแต่เเรกเเล้ว เพราะตอนที่อยู่ด้วยกัน หมอนิ่มดีต่อตนมาก เเละถ้าหากว่าคำพิพากษาตัดสินออกมาตามศาลชั้นต้นคือประหารชีวิต ในส่วนของหลาน ตนคิดว่าทางครอบครัวของหมอนิ่มได้หาทางออกไว้แล้ว