1 กันยายน 2562 ที่จะถึงนี้ เป็นวันครบรอบ 29 ปี ของการจากไป ของผู้ชายที่ชื่อ สืบ นาคะเสถียร โดยวันนี้ (31 ส.ค. 62) นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ นักเขียนสารคดี นักวิจารณ์สังคม การเมืองและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า Vanchai Tantivitayapitak เพื่อรำลึกถึง สืบ นาคะเสถียร โดยระบุว่า
พี่สืบบอกผมว่า การช่วยเหลือสัตว์ป่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะเราไม่ควรจะทำลายป่าผืนใหญ่อีกต่อไปในประเทศนี้ โดยเฉพาะการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่
ปีรุ่งขึ้น พี่สืบ ข้าราชการซี 5 ตัวเล็ก ๆ เป็นแกนนำคนหนึ่งในการต่อสู้คัดค้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน ที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรหลายแสนไร่จนสำเร็จ
ปีต่อมา เขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผืนป่าห้วยขาแข้งที่มีขนาดใหญ่กว่ากรุงเทพมหานคร ให้รอดพ้นจากการตัดไม้ทำลายป่า และล่าสัตว์ป่า
ทุกวันนี้ป่าทุ่งใหญ่ ป่าห้วยขาแข้งรวมกันกว่า 5 ล้านไร่ ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก ด้วยการผลักดันของสืบ นาคะเสถียร
บนเวทีอภิปราย เขาพูดเสมอว่า "ผมขอพูดในนามตัวแทนของสัตว์ป่าที่ไม่มีสิทธิ์พูดได้" สืบไม่ดราม่า แต่พูดมาจากหัวใจ
ปลายปี 2532 พี่สืบชวนผมไปกินข้าว บอกว่าสอบทุนเรียนปริญญาเอก มหาวิทยาลัยลอนดอนได้ แต่ต้องไปรับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่ปัญหาล่าสัตว์ ตัดไม้สูงมาก
ผมเชื่อว่าคนส่วนมากคงเลือกเรียนต่อเพื่ออนาคต แต่สืบกลับเลือกไปเป็นนักรบแนวหน้าในป่าใหญ่
ในป่าห้วยขาแข้งในฐานะหัวหน้าเขต เมื่อต้องไปรับศพลูกน้องที่ถูกยิงตายจากกลุ่มอิทธิพลที่มาลักลอบตัดไม้ล่าสัตว์ เขาตะโกนก้องไปในราวป่าว่า " มึงออกมายิงกับกูสิ"
สืบเป็นคนมีนิสัยที่ทำงานแล้ว จะทำแบบเต็มที่ละเอียดและสมบูรณ์แบบ
หากทำได้ไม่ดีพอ มักจะแสดงความรับผิดชอบสูงสุด
สุดท้ายเมื่อแรงกดดันในการรักษาป่าห้วยขาแข้งมาตกหนักที่เขา ขาดคน ขาดเงินขาดทุกอย่าง และผู้มีอำนาจรัฐไม่ใส่ใจ สิ่งที่เขาทำได้อย่างเดียวคือ
ตีหนึ่งของวันที่ 1 กันยายน 2533 หลังจากนั่งกินเหล้ากับลูกน้องคนสนิทมาหลายชั่วโมง เขาโบกมือกับลูกน้องว่า "ลาก่อนนะ"
รุ่งสางวันนั้น เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นในราวป่า ปลุกให้คนที่มีอำนาจหน้าที่ หันมาสนใจปัญหาในป่าห้วยขาแข้งอย่างจริงจัง
มันยังส่งเสียงดังมาจนถึงทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านไป 29 ปี ”