การบูลลี่ (Bully) เป็นการกลั่นแกล้งที่แสดงออกด้วยคำพูด หรือพฤติกรรมที่ก้าวร้าวต่อผู้อื่น มักเกิดขึ้นในสังคมที่มีช่องว่างระหว่างผู้มีอำนาจกับผู้ที่อ่อนแอกว่า และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ซ้ำๆ
ซึ่งการบลูลี่ด้วยคำพูดเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการกระทำ และส่วนใหญ่เกิดขึ้นในโรงเรียน ที่ทำงาน และในโซเชียลมีเดีย กลายเป็นปมในใจ ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นได้ในอนาคต
และจากสถิติของ ‘กรมสุขภาพจิต’ พบว่า ปี 2563 ประเทศไทยติดอันดับการบูลลี่เป็น 2 ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น จากปัญหาที่ถูกฝังรากลึกอยู่ในสังคมมานาน จนมองว่าเป็นเรื่องปกติ และแม้จะมีพยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ยังไม่ค่อยได้ผลนัก
อย่างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (23 ม.ค.66) มีเด็กหญิงอายุเพียง 15 ปี ตัดสินใจผูกคอเสียชีวิต พร้อมเขียนจดหมายระบายความในใจว่า ถูกเพื่อนบูลลี่
ซึ่งคำที่คนไทยใช้บูลลี่กันมากที่สุดเป็นเรื่อง รูปลักษณ์ เพศ และความคิดกับทัศนคติ ได้แก่ ไม่สวย, ไม่หล่อ, หน้าเบี้ยว, ขี้เหร่, หน้าหัก, หน้าปลอม, ผอม, เตี้ย, สิว, ดำ, ขาใหญ่, จอแบน, เหยิน, เหม่ง, ตุ๊ด, สายเหลือง, ขุดทอง, กะเทย, โสเภณี, กะหรี่, แมงดา, ชะนี, แรด, หากระโปรงมาใส่, โง่, สลิ่ม, ตลาดล่าง, ปัญญาอ่อน, ต่ำตม, ไดโนเสาร์ เป็นต้น
‘อีจัน’ จึงขอแนะนำว่า ก่อนจะพูดหรือทำอะไร พิจารณาดูให้ดีว่า จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่นหรือไม่ การบูลลี่ที่แลกกับความสะใจเพียงชั่วคราว อาจกระทบต่อจิตใจผู้อื่นถึงขั้นเป็นต้นตอของการเสียชีวิต การบูลลี่ จึงถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
– กรณีใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม และทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
– กรณีข่มขู่ทำให้เกิดความกลัว เข้าข่ายความผิด มาตรา 392 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
– กรณีนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพตัดต่อของผู้อื่นในลักษณะที่จะทำให้บุคคลนั้นได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
ซึ่งหากเราโดนบูลลี่แนะนำให้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูลจาก: https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30612 , https://www.thaipost.net/main/detail/116591 , https://www.thaipbs.or.th/news/content/323809