เปิดคำพิพากษา ฉบับเต็มคดีบิลลี่ เพราะอะไรชัยวัฒน์และพวก หลุดคดี

คำพิพากพากษา “ฉบับเต็ม” คดีบิลลี่ ตอบคำถามเพราะอะไร ศาลจึงยกฟ้อง ชัยวัฒน์และลูกน้องอีก 3 คน

อ่านคำพิพากษาฉบับเต็มคดีบิลลี่ ตอบคำถามเพราะอะไร นายชัยวัฒน์และพวก หลุดคดี

คำพิพากษา ฉบับเต็มคดีบิลลี่

วันนี้ 28 กันยายน 2566 เวลา 9.30 นาฬิกา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดฟังคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 166/65 ระหว่าง พนักงานอัยการ 

สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ , โจทก์ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน จำเลย 

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจับกุมตัวนายพอละจีหรือบิลลี่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 6 (ด่านเขามะเร็ว ในความผิดฐานนำของป่า (น้ำผึ้ง) ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ

จำเลยทั้งสี่ไม่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ควบคุมตัวนายพอละจีหรือบิลลี่พร้อมของกลางส่งสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเปรียบเทียบดำเนินการตามกฎหมาย

แต่ควบคุมตัวนายพอละหรือบิลลี่่พร้อมของกลางไปยังสถานที่ใดไม่ปรากฏ โดยใช้อาวุธควบคุมตัวนายพอละจีหรือบิลลี่ไว้ในรถยนต์กระบะเป็นการข่มขืนใจนายพอละหรือบิลลี่ให้ต้องยอมไปกับจำเลยทั้งสี่ ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินและอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ เป็นการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง นายพอละจีหรือบิลี่่ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

ต่อมาจำเลยทั้งสี่ร่วมกันฆ่านายพอละจีหรือบิลลี่ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะจำเลยที่ 1 มีเหตุขัดแย้งและมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายพอละจีหรือบิลลี่มาก่อน เป็นเหตุให้นายพอละจีหรือบิลลี่ถึงแก่ความตาย

จากนั้นจำเลยทั้งสี่ร่วมกันเผาทำลายศพนายพอละจีหรือบิลลี่แล้วเก็บ ชิ้นส่วนศพที่เหลือจากการเผาเศษเถ้าถ่านและที่เหลือใส่ถังน้ำมัน 200 ลิตร ไปทิ้งลงน้ำบริเวณสะพานแขวนเขื่อนแก่งกระจาน เพื่อทำลายหลักฐานอำพรางคดีแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อน การชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น

เหตุเกิดที่ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และตำบลสองพี่น้อง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมาย

อาญา มาตรา 83, 86 , 91, 157, 289, 309, 310 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 – ทวิ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ระหว่างพิจารณาบุตรของนายพอละจีหรือบิลลี่ และมารดาของนายพอละจีหรือบิลลี่ขอเข้าเป็นโจทก์ก็ร่วมกับพนักงานอัยการ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยตามทางไตร่สวนแล้ว เห็นว่า สำหรับความผิดข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ไม่นำตัวนายพอละจีหรือบิลลี่พร้อมของกลางส่งให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต พยานหลักฐานโจทก์ และโจทก์ร่วมรับฟังได้ว่า จำเลยที่ไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้า ไม่นำตัวนายพอละหรือบิลลี่ พร้อมของกลางน้ำผึ้งส่งให้เจ้าหน้าที่ ที่มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 3 ไม่มีเจตนาพิเศษร่วมกระทำผิด จำเลยที่ 4ไม่มีเจตนา สนับสนุนการกระทำผิด จึงไม่มีความผิด

ความผิดข้อหาร่วมกันข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังนายพอละจีหรือบิลลี่ ให้จำยอมโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายโดยมีอาวุธเป็นเหตุให้นายพอละหรือบิลลี่ผู้ถูกเหนี่ยวกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพนั้นถึงแก่ความตาย

การพิจารณาพบว่าคำให้การและพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสี่มีพิรุธ หลายประการ เช่น จุดที่อ้างว่าปล่อยตัวนายพอละจีหรือบิลสี่แต่ไม่มีพยานยืนยัน พยานจำเลยทั้งสี่ที่อ้างว่าเห็นนายพอละจีหรือบิลลี่ หลังจากได้รับการปล่อยตัวก็เบิกความกลับไปมาและไม่สอดคล้องกับเวลาที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงจุดปล่อยตัว มีน้ำหนักน้อย และเส้นทางที่จำเลยทั้งสี่อ้างว่าใช้เดินทางกลับไร่หลังปล่อยตัวนายพอละหรือบิลลี่ กล้องวงจรปิดในเส้นทางที่ต้องผ่านไม่พบรถยนต์ที่จำเลยทั้งสี่ขับผ่านแต่กลับไปพบรถยนต์ที่จำเลยทั้งสี่ใช้วิ่งไปด่านเขาสามยอดอีกเส้นทาง แต่จะนำเฉพาะ คำให้การของจำเลยทั้งสี่เป็นพิรุธมาลงโทษ ไม่ได้การพิสูจน์ความผิดต้องมีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนัก มั่นคงมาพิสูจน์ว่ามีการกระทำผิดและจำเลยทั้งสี่เป็นผู้กระทำผิด

หลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมมี เพียงภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดที่ชี้ให้เห็นว่าคำให้การจำเลยทั้งสี่มีพิรุธ แต่ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด ในเส้นทางไปด่านเขาสามยอดไม่ชัดเจนพอที่จะยืนยันการกระทำผิด ประกอบไม่มีหลักฐานทั้งพยาน บุคคล วัตถุพยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันได้ว่าจำเลยทั้งสี่พานายพอละจีไปด่านเขาสามยอด ตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตั้งประเด็นหรือไปยังสถานที่ใด พยานจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอรับฟัง ว่ามีการกระทำผิดโดยจำเลยทั้งสี่ ความผิดข้อหาร่วมกันฆ่านายพอละจีหรือบิลลี่โดยไตร่ตรอง

ผลการตรวจไมโทคอนเดรีย ดีเอ็นเอชิ้นส่วนกระดูก Tempora (กระดูกขมับ) ข้างซ้าย วัตถุพยานที่พบใต้น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน

เป็นของบุคคลที่เป็นบุตรของนางโพเราะจีหรือเป็นหลานของนางนอกะเต มารดานางโพเราะจี เนื่องจากสารพันธุกรรมในไมโทคอนเดรียเป็นพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากมารดาสู่บุตร แต่ไม่ สามารถระบุได้ว่าเป็นของบุคคลใด ส่วนการวิเคราะห์กระดูกวัตถุพยาน พบว่าเป็นของบุคคลอายุ 20 ปี ขึ้นไป ไม่สามารถบอกเพศ ความสูงและเชื้อชาติซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิสูจน์เอกลักษณ์ของบุคคลไดการนำแผนผังเครือญาติมาใช้ประกอบผลการตรวจหาดีเอ็นเอแบบไมโทคอนเดรีย

คดีนี้ยังมีข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นการจำกัดวงอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ และไม่มีแพทย์หรือผู้ตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันผลได้ว่าชิ้นส่วนกระดูกวัตถุพยานเป็นของนายพอละจีหรือบิลลี่ จึงฟังไม่ได้แน่ชัดว่ากระดูก Tempora (กระดูกขมับ) ข้างซ้าย วัตถุพยานเป็นของนายพอละจีหรือบิลลี่

มีผลให้ฟังไม่ได้ว่านายพอละจีหรือบิลลี่ถึงแก่ความตายแล้วหรือไม่ ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ความผิดข้อหาร่วมกันเผาทำลายศพนายพอละหรือบิลลี่และเก็บชิ้นส่วนศพที่เหลือจากการเผา เศษเถ้าถ่านและเศษสิ่งของอื่น ๆ ที่เหลือบรรจุใส่ลังน้ำมัน 200 ลิตร ไปทิ้งใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เชื่อนแก่งกระจาน เพื่อทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของตน เพื่ออำพรางคดีแก่ศพหรือ สภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ว่ากระดูก Temporal (กระดูกขมับ) ข้างซ้าย วัตถุพยานเป็นของนายพอละจีหรือบิลลี่ ประกอบกับโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสามไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมใกล้ชิด หรือเชื่อมโยงได้ว่าจำเลยทั้งสี่นำถังน้ำมันของกลางไป ทิ้งในเขื่อน จึงไม่มีพยานรับฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่เช่นกัน 

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 (เดิม) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 127/1 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำท ที่เดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา90 จำคุก 3 ปี 

ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกและยกฟ้องจำเลยที่  ที่ 3 และที่ 4 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566 

ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจำนวน 14 นัด รวมระยะเวลานับตั้งแต่วันฟ้อง (วันที่ 4 กันยายน 2565) ถึงวันอ่านคำพิพากษาเป็นเวลา 1 ปี 23 วัน 

คลิปอีจันแนะนำ
ยันจะยื่นอุทธรณ์ หลังศาลชี้ ไม่เชื่อ “บิลลี่” ตายแล้ว!