สืบเนื่องจากล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 3 ส.ค. 65 มีกลุ่มคน ดวลปืนสนั่นเมืองอุบลราชธานี มีทั้งคนเจ็บและคนตาย ทำให้บางทีต้องลองหันกลับมาตั้งคำถามถึงกรณีการใช้ปืนในไทยหรือแม้แต่กระทั้งการหาซื้อปืนมาครอบครองว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? สำหรับปัญหาคดีทางอาชญากรรมที่เผยแพร่ในสื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นปัญหาสังคมที่หลายฝ่ายให้ความกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้อาวุธปืนเป็นเครื่องมือในการกระทำผิด จนต้องเกิดคำถามในสังคมว่า เหตุใดคนไทยจึงสามารถมีปืนไว้ก่อเหตุ หรือแม้กระทั่งพกไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระมากขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นที่รู้กันดีว่าบุคคลธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถครอบครองปืนได้นั้น ต้องผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยาก ไหนจะมีกฎหมายที่เข้มงวดคอยตรวจสอบในทุกขั้นตอน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ Gunpolicy.org ระบุว่า นับถึงปี 2560 ในประเทศไทยมีผู้ครอบครองปืนทั้งปืนจดทะเบียนและปืนเถื่อนรวม 10.34 ล้านกระบอก ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ครอบครองปืนทั้งปืนจดทะเบียนและปืนเถื่อนรวม 10.34 ล้านกระบอก สำหรับตัวเลขอาวุธปืนที่เป็นของเอกชนล่าสุด คือ 6,019,546 หน่วยที่จดทะเบียนโดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งอัตราส่วนโดยประมาณ สำหรับประชากรไทยใน 10 คน จะมีปืน 1 กระบอก ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึงปืนที่ไม่ได้ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายซึ่งคาดว่าจะมีไม่น้อย ยิ่งตอกย้ำคำถามถึงขั้นตอนการขออนุญาตครอบครองอาวุธปืนในประเทศไทยว่า แท้จริงแล้วยังคงเข้มงวดและยุ่งยากจริงไหม?
คุณสมบัติของผู้ขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน
บรรลุนิติภาวะ
สภาพร่างกายปกติไม่พิการหรือทุพพลภาพ
ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
มีรายได้และอาชีพ
มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
มีชื่อในทะเบียนบ้านและมีถิ่นที่อยู่ประจำในท้องที่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ไม่เป็นบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือไม่เป็นบุคคลที่มีความประพฤติชั่วอย่างรายแรงอาจกระทบกระเทือนถึงความสงบเรียบของประชาชน
ไม่เคยต้องโทษจำคุกคดีอาญา
ขณะเดียวกัน ประเทศไทย มีกฎหมายว่าด้วยการครอบครองอาวุธปืน ที่มีรายละเอียดชี้ชัดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 (พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ) ระบุไว้ว่า การจะเป็นเจ้าของอาวุธปืนหนึ่งกระบอก สิ่งแรกที่จำเป็นต้องมีคือใบอนุญาตให้ซื้อปืน หรือ ใบ ป.3 โดยยื่นคำร้องขออนุญาต ซื้อต่อฝ่ายเจ้าหน้าที่ปกครอง นายอำเภอ พร้อมเอกสารหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน และใบรับรองความประพฤติ ที่ผ่านการรับรองจากกำนันและผู้ใหญ่บ้าน การครอบครองปืนต้องแจ้งวัตถุประสงค์ให้ชัด ซึ่งมี 5 กรณี ได้แก่
1. เพื่อป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน
2. เพื่อการกีฬา
3. เพื่อการล่าสัตว์ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงการยิงสัตว์ขนาดเล็กที่เป็นศัตรูของเกษตรกร
4. เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
5. เพื่อพกพาชั่วคราว (นักการทูตและผู้ติดตาม)
จากนั้นผู้ขอจะต้องนำใบ ป.3 ไปแสดงเพื่อซื้อปืนกับร้านที่ได้รับอนุญาตจัดจำหน่ายอย่างถูกต้อง เพื่อให้ทางร้านดำเนินการตัดโอนอาวุธปืนออกจากการครอบครองของร้าน ออกเป็นใบคู่ปืน และนำไปขึ้นใบทะเบียนปืนที่ระบุชื่อผู้ครอบครอง หรือ ใบ ป.4 เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนทั้งหมด ผู้ซื้อก็จะได้เป็นเจ้าของปืนอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ถือเป็นขั้นตอนตามปกติที่ผู้ต้องการมีปืนจะต้องปฏิบัติ ซึ่งจะต้องใช้เวลาและการดำเนินการพอสมควรกว่าจะเป็นเจ้าของอาวุธปืนได้ ซึ่งกรมการปกครองระบุว่า ในการกลั่นกรองอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน คนหนึ่งคนควรมีเพียง 2 กระบอกคือ ปืนสั้น 1 กระบอก และปืนยาว 1 กระบอก
ปัจจุบันขั้นตอนการซื้ออาวุธปืนไม่ได้ยุ่งยากเหมือนที่ระบุไว้ในพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ อีกต่อไปเพราะในความเป็นจริง ผู้ที่อยากจะมีปืนเป็นของตัวเอง เพียงแค่มีเงินและเส้นสายในระบบราชการก็สามารถมีใบอนุญาตซื้อและครอบครองอาวุธปืนได้ไม่ยาก โดยร้านปืนส่วนใหญ่เขาจะให้เลือกว่า จะให้เขาเดินเรื่องใบอนุญาตให้ด้วยหรือไม่ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่ทำเรื่องขออนุญาตเอง จะใช้เวลารอนานกว่า 6 เดือน ยิ่งบางคนที่ไม่มีเส้นสายในวงราชการอาจรอนานเป็นปี แต่หากให้ร้านที่จำหน่ายอาวุธปืนเดินเรื่องให้ จะใช้เวลาอย่างมากไม่เกิน 2 เดือน
อีกทั้งการโอนอาวุธปืน กฎหมายห้ามมิให้โอนอาวุธปืนให้แก่บุคคลที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้มี และใช้อาวุธปืน แม้ผู้โอนจะเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนได้ แต่ถ้า โอนอาวุธปืนให้แก่ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตผู้โอนจะมีความผิด “การโอน” หมายถึง การโอนกรรมสิทธิ์อาวุธปืนของตนให้ผู้อื่นเป็น เจ้าของ การรับโอนอาวุธปืนทางมรดก ในกรณีที่เจ้าของอาวุธปืนซึ่งมีใบอนุญาตอยู่แล้ว ถึงแก่ความตาย กฎหมายกำหนดให้ทายาทของผู้ตาย หรือ บุคคลอื่น ๆ ซึ่งมีอาวุธปืน เครื่อง กระสุนปืน หรือใบอนุญาตให้มี หรือใช้อาวุธปืนของผู้ตาย ไปแจ้งการตาย ของเจ้าของปืนให้นายทะเบียนทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รู้ถึงการตาย ของผู้ตาย ถ้าไม่มาแจ้งถือว่ามีความผิด ต้องโทษปรับไม่เกิน
5 ชนิด ปืน ที่คนทั่วไปจะมีได้
ปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้มีได้มี 5 ชนิดตามกฎกระทรวง ฉบับ 11 ออกตามความใน พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ปืนชนิดลำกล้องมีเกลียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน 11.44 มม.
ปืนชนิดลำกล้องไม่มีเกลียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน 20 มม., ปืนบรรจุปาก, ปืนลูกซอง และปืนพลุสัญญาณ
ปืนชนิดที่เครื่องกลไก ขนาดความยาวลำกล้องไม่เกิน 160 มม., ปืนลูกซอง, ปืนลูกกรด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากลำกล้องไม่เกิน 5.6 มม.
ปืนชนิดไม่มีเครื่องบังคับเสียงให้เบาผิดปกติ
ปืนชนิดไม่ใช้กระสุนเป็นที่บรรจุวัตถุเคมีที่ทำให้เกิดอันตรายหรือเป็นพิษ
ทั้งนี้กว่าพลเรือนคนหนึ่งจะมีปืนในครอบครองอย่างถูกกฎหมายอาจค่อนข้างเป็นเรื่องที่วุ่นวาย แต่จำนวนปืนที่ถูกขึ้นทะเบียนกว่าหกล้านกระบอกอาจเป็นภาพสะท้อนระบบการออกใบอนุญาตถือครองอาวุธ ที่เพียงแค่มีเงินและเส้นสายก็ไม่ยากเกินการครอบครอง ไม่นับรวมถึงปืนเถือนที่ทุกวันนี้มีขายกันกลาดเกลื่อนทางช่องทางออนไลน์
โทษของการพกปืนเถื่อน
การพกปืนเถื่อนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย สำหรับโทษนั้นรุนแรงมาก เพราะคนที่พกปืนเถื่อนคงส่อเจตนาและจุดประสงค์ไม่ดีแน่ๆ หากผู้ใดมีอาวุธปืนโดยไม่ได้ขออนุญาต อาจต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ซึ่งการครอบครองปืนเถื่อนก็เป็นที่แน่นอนว่า ไม่มีการขออนุญาตแน่ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
มาตรา 4 (1) หมายความรวมตลอดถึงอาวุธทุกชนิดซึ่งใช้ส่งเครื่องกระสุนปืนโดยวิธีระเบิดหรือกําลังดันของแก๊สหรืออัดลมหรือเครื่องกลไกอย่างใด ซึ่งต้องอาศัยอํานาจของพลังงานและส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธนั้น ๆ ซึ่งรัฐมนตรีเห็นว่าสําคัญและได้ระบุไว้ในกฎกระทรวง
มาตรา 7 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีอาวุธปืน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่
มาตรา 72 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2000 – 20000 บาท
ข้อมูล เพจ สายตรงกฎหมาย ยึดมั่นความยุติธรรม , parliament , คู่มือประชาชน งานอวุธปืน , tcijthai , banglamungdistrict , thaihunter , www.gunpolicy