กลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียลที่น่าตกใจไม่น้อย หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Pang Thanyalak ได้โพสต์คลิปวินาทีที่กล้องวงจรปิดภายในบ้านจับภาพขณะที่คุณแม่ของเธอกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข แต่จู่ๆก็ล้มหงายหลังแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และที่สำคัญบริเวณที่คุณแม่ของเธอล้มลงนั้น มีลูกของเธอที่กำลังนอนอยู่ในเปล โดยเธอได้โพสต์ข้อความว่า
ผู้สูงวัยระวังเวลาลุกก้มอะไรไวเกินไปอากาศร้อนด้วยอาจทำให้หน้ามืด แม่หน้ามืดสลบไปแปปนึง อ้วนร้องไห้แค่ตอนโดนทับน่าจะตกใจและหัวโนนิดหน่อย ในหัวมีแต่คำว่ากลัวเต็มไปหมดเลย ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยดี แม่ไม่เป็นอะไร รอดูอาการ อ้วนร่าเริง ไม่งอแง ไม่ร้องไห้ ไม่ซึม ลงไว้เป็นอุทาหรณ์ #อย่าโทรมาถามว่าเป็นไรเดี๋ยวกูร้องไห้
หลังคลิปวิดีโอดังกล่าวนี้ถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมากก็เกิดการสงสัยว่าอาการที่คุณแม่ของเธอเป็นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือมีสาเหตุมากจากอะไรกันแน่
ล่าสุด นายแพทย์ ประชา กัญญา ประสิทธิ์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ได้นำคลิปวิดีโอดังกล่าวโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หมอประชาผ่านตัดสมอง พร้อมอธิบายถึงกรณีดังกล่าวว่ามีสาเหตุจากอะไร
“ขณะที่คุณยายยืนอยู่และหัวเราะ ก็ได้หมดสติวูบล้มทับหลานที่นอนอยู่ ตามรายงานข่าวระบุหลานปลอดภัยดี มีหัวโนเล็กน้อย ภาวะหัวเราะและทำให้เป็นลมหมดสตินั้น เกิดจากเวลาที่เราหัวเราะนั้นจะเกิดแรงดันภายในช่องอกหรือทรวงอกจะมากขึ้น ทำให้หัวใจเต้นช้าลง ความดันลดลงจากการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติที่เรียกว่า Parasympathetic ซึ่งจะทำให้หมดสติได้เพราะความดันจะตก หัวใจจะเต้นช้า เลือดจึงไปเลี้ยงสมองลดลง เกิดได้เหมือนกับการเบ่ง ส่วนการหัวเราะนั้นมักจะเป็นชณะที่ยืน หรือเปลี่ยนท่านั่ง ลุกเร็วๆ ไม่ได้อันตรายแต่ต้องไปหาสาเหตุ
หนึ่งเลยคือ โรคหัวใจ ต้องไปหาสาเหตุว่ามีโรคหัวใจซ่อนอยู่มั๊ย ต้องไปตรวจหัวใจ และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ สองต้องไปวัดความดันว่าต่ำเกินมั๊ยสูงผิดปกติมั๊ย สามต้องไปเจาะเลือดดูความเข้มข้นของเลือดว่ามีโลหิตจาง หรือมีโรคอื่นๆแอบซ่อนอยู่มั๊ยเช่น โรคไขมันสูง ถ้าหาสาเหตุไม่พบก็แปลว่าเกิดจากภาวะ laughter induced syncope หัวเราะแล้วทำให้หมดสติชั่วขณะไม่อันตราย การเบ่งถ่าย การไอก็ทำให้หมดสติแบบนี้ได้เช่นกัน แต่ถ้าลุกขึ้นแล้วน่ามืดเรียกว่าความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่า ควรตรวจเลือด หรือพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม”
ทั้งนี้ ใครที่มีอาการลักษณะคล้ายๆกันนี้ หรือรู้สึกว่ามีอาการหน้ามืดขณะลุก นั่ง หรือเปลี่ยนท่าเร็วๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ หากพบจะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากกว่านี้
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : เฟซบุ๊ก Pang Thanyalak, เฟซบุ๊ก หมอประชาผ่านตัดสมอง