คดีหวย 30 ล้าน ยังไม่จบ !
วันนี้ (8 ก.พ.67) ศาลจังหวัดกาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษา ที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ ลุงจรูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา และ นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความของครูปรีชา ในความผิดฐานร่วมกันฟ้องเท็จกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา
ล่าสุด ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เปิดเผยหลังเข้าฟังการตัดสินของศาล ว่า
คดีที่ฟ้องร้องไปนั้น คดีแรกฟ้องทนายครูปรีชากับครูปรีชา ในข้อหาร่วมกันฟ้องเท็จ โดยศาลรอลงคำพิพากษา ต้องนำกลับไปทำคำพิพากษาใหม่ เนื่องจากครูปรีชากลับคำรับสารภาพสลับไปมา
ส่วนคดีที่สอง คือ คดีร่วมกันเบิกความเท็จ ที่ครั้งแรกครูปรีชายอมรับสารภาพ แต่มากลับคำรับสารภาพภายหลัง ศาลเล็งเห็นว่าเป็นการประวิงเวลา จึงไม่ยินยอมให้กลับคำรับสารภาพ โดยมีนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 20 มีนาคม 67
คดีที่สาม เป็นคดีที่ฟ้องร้องเจ๊พัช เจ๊บ้าบิ่น และพยานบุคคลอื่นๆ รวม 10 คน ในข้อหาเบิกความเท็จ แต่เนื่องจากคุยไกล่เกลี่ยไม่ลงตัว มีปัญหาเรื่องเงิน 2,500,000 บาท ที่ฝ่ายโจทก์เรียกร้องไป แต่กลุ่มพยานไม่ยินยอมจะร่วมชดใช้ จึงขอต่อสู้คดี โดยมีนัดไต่สวนมูลฟ้องเดือนเมษายน 67
ทนายตั้ม เผยอีกว่า หลังจากนี้ จะไม่มีการไกล่เกลี่ยหรือเจรจาต่อรองใดๆกันอีก ระหว่างลุงจรูญกับครูปรีชา ซึ่งตนและลุงจรูญได้ตกลงกันแล้วว่า จะดำเนินคดีกับครูปรีชา รวมถึงทนายความของครูและพยานทุกคนอย่างถึงที่สุด หากครูต้องการที่จะบรรเทาความเสียหายให้กับลุงจรูญจริง ก็ขอให้นำเงินไปวางในชั้นศาลไม่ต้องมาเจรจาต่อรองอะไรกับลุงจรูญอีก เพราะต่อไปนี้ ครูปรีชาจะต้องรับผิดชอบกับการกระทำตลอดช่วงการต่อสู้คดีที่ผ่านมา
ทนายตั้ม เผยอีกว่า ครูปรีชาระบุว่า หากฟ้องพยานแบบนี้สังคมจะอยู่อย่างไร ทำให้ลุงจรูญโมโห ไม่ประสงค์ไกล่เกลี่ย หรือ ถอนฟ้องแล้ว ให้นำเงินไปวางที่ศาลดีกว่า
ขณะเดียวกัน ลุงจรูญ เปิดใจว่า ตนน่าจะเป็นคนพูดให้ครูปรีชาฟังมากกว่า ว่า “การที่มีคนอย่างคุณอยู่ แล้วสังคมจะอยู่อย่างไร และในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง วันหน้าก็ไม่ต้องคุยกันดีกว่า ตนไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน จะจบก็ได้ แต่ให้โอกาสแล้ว เขาไม่คว้าไว้ ตนเหนื่อยกายเหนื่อยใจแล้ว เพราะรู้มาแต่แรกว่าคดีจะนานแน่ๆ หากเรื่องยังไม่จบก็คงไม่ขอซื้อหวยอีก”
ด้าน นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา หลังลงมาจากห้องพิจารณาคดี ได้กล่าวว่า ในวันนี้ที่ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาในคดีที่ตนและทนายวรยุทธถูกลุงจรูญ ฟ้องในความผิดฐานร่วมกันฟ้องเท็จนั้น เป็นเพราะฝ่ายตนและคู่กรณี ยังมีความ เข้าใจที่ไม่ตรงกันในบางเรื่อง แต่เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปน่าจะมีความเข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งผลคำพิพากษาจะออกมาเป็นเช่นไร ตนเองก็น้อมรับและก็จะขอใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ในส่วนที่ลุงจรูญ ได้ยื่นฟ้องพยานฝ่ายของตนรวม 10 รายนั้น ตุ่นบอกว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะ พยานมาให้การไปตามข้อเท็จจริงที่เห็น หากต่อไปการมาเป็นพยานแล้วต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเช่นนี้ ในสังคมก็คงจะไม่มีใครกล้ามาเป็นพยานอีก
ด้าน นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และนางพัชริดา พรมตา สองแม่ค้าลอตเตอรี่ ซึ่งเป็นพยานให้กับครูปรีชาและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยนั้น เผยว่า ตนเองยังคงยืนยัน ในข้อเท็จจริงที่ขึ้นให้การไปและก็คงไม่สามารถหาเงินมาจ่ายให้กับทางฝั่งของลุงจรูญได้แต่อย่างใด เจ๊พัชรก็เป็นเพียงแม่ค้าลอตเตอรี่มีกำไรจากการขายลอตเตอรี่เพียงใบละไม่กี่บาทเท่านั้น