ทนายเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ชี้แจงปมสาวหล่อแจ้งความถูกบังคับทรีซั่ม

ทนายความ นาย จ. เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ชี้แจงกรณีสาวหล่อ แฉสัญญาทาส บังคับอยู่กิน 3 ผัวเมีย ลั่น หลักฐานทุกอย่างประชาชนและศาลคงมองออก

จากกรณี ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้พาสาวหล่อ เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังถูกเจ้าของ บริษัทโลจิสติกส์ ชื่อดัง ร่างสัญญาทาสบังคับให้ร่วมเซ็กซ์หมู่ 3 คนผัวเมีย ล้างหนี้ 5 แสน ช้ำพยายามคิดจะหนี แต่ถูกตามข่มขู่ถึงเครือญาติ

สาวหล่อสุดช้ำร้อง บช.ก. ถูกเจ้าของ บริษัทโลจิสติกส์ บังคับเซ็กซ์หมู่

โดยเมื่อวานนี้ (10 พ.ย. 65) นายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายความของ นาย จ. และ นาง บ. สองสามีภรรยาเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ชี้แจงถึงข่าวนี้ว่า วันนี้ที่ออกมาพูดก็เพื่อออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจคร่าวๆ เท่านั้นเอง ไม่ให้กระแสข่าวเป็นการที่คู่กรณีพูดอยู่ฝ่ายเดียว ตนเชื่อว่าคนที่มีสติหรือฟังอย่างไตร่ตรองก็คงพอจะมองออก และเชื่อว่าในชั้นศาล ศาลท่านก็มองออก ซึ่งตนเชื่อว่านี่เป็นเรื่องของครอบครัว 3 คน และไม่ใช่แค่ครอบครัวแรกในประเทศไทย ตอนรักกันดีก็ไปเที่ยวกัน แต่พอทะเลาะกัน ก็อยากจะเอาสื่อมาเป็นเครื่องมือ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เคสแรกสำหรับการเป็นทนายอย่างตน ก็ขอให้พี่น้องประชาชนดูกันเอง และก็จะสู้คดีไปตามกระบวนการ

ส่วนที่สาวหล่อ อ้างว่า โดนบังคับร่วมเพศถึง 90 ครั้ง โดยไม่ได้ยินยอมนั้น ทนายเอกสิทธิ์ บอกว่า ตอบแบบตามความเป็นไปได้เลยแล้วกัน ที่เขาบอก 90 ครั้งไม่เคยยินยอม เขาก็ไม่ใช่เด็ก ไม่ได้ถูกกักขัง ไม่ได้ถูกหน่วงเหนี่ยว ระหว่างนั้นก็มีซื้อของซื้ออะไรให้กัน จนถึงขั้นไปเที่ยวเมืองนอก คือเรื่องแบบนี้ศาลเขาคงจะมองออกได้ ว่าอะไรเป็นอะไร

ส่วนเรื่องการทำสัญญาอยู่กินกันฉันสามีภรรยา 3 คนนั้น ทนายเอกสิทธิ์ บอกว่า ตอนที่เซ็นสัญญากันก็สมัครใจตามข้อตกลงในสัญญาด้วยกันทุกฝ่าย แล้วก็ไปมีความสัมพันธ์กัน ไปที่ไหนๆ ไม่เคยมีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ไปดูได้ตามโรงแรม ไปเที่ยวที่ไหนก็ไปด้วยกัน ไม่มีการพยายามหลบหนี หลักฐานก็มีการตั้งกลุ่มไลน์ที่อยู่ด้วยกัน 3 คน ไว้ส่งรูปที่ไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งมีอะไรก็คุยกันอยู่ 3 คน ฉันสามีภรรยา ในสัญญาข้อที่บอกว่า ถ้าฝ่ายใดทำให้เสียหาย ต้องจ่าย 10 ล้านบาท ซึ่งข้อนี้ทางสาวหล่อเป็นคนขอเพิ่มเข้ามาในสัญญาเอง เพราะกลัวจะถูกเอาเรื่องไปประจาน ซึ่งทั้ง 3 คน ก็รับรู้และเขียนข้อตกลงนี้เพิ่มด้วยกัน ลงชื่อในสัญญาร่วมกัน

แต่ทั้งนี้ เรื่องสัญญา ก็ต้องดูว่าข้อไหนที่บังคับใช้ได้ ไม่ได้แปลว่าสัญญาตัวนี้เป็นสัญญาทาสหรือเป็นสัญญาที่ผิดกฎหมาย สัญญาก็บอกอยู่แล้วว่าข้อไหนใช้บังคับไม่ได้มันก็เป็นโมฆะ กฎหมายมันก็มีอยู่แล้ว

สุดท้าย ทนายเอกสิทธิ์ บอกว่า เรื่องดำเนินคดีกับใครเพิ่มเติมหรือไม่ ตรงนี้ นาย จ. ซึ่งเป็นลูกความไม่ได้บอกอะไร และตัวเองก็ไม่ชอบค้าความ อย่างที่ตนบอกไปแล้วว่า สุดท้ายมันอาจจะเป็นเรื่องของความไม่เข้าใจกัน สื่อสารไม่ลงตัวกัน ตนเชื่อว่าคดีแบบนี้น่าจะจบที่เจรจาไกล่เกลี่ยหาทางออกกัน ตนคงไม่อยากที่จะไปยุโยงหรือไปแนะนำให้ลูกความต้องไปไล่ฟ้องกลับอะไร สู้คดีไปตามกระบวนการ ก็อยากจะให้มาหาทางออกร่วมกัน แล้วก็หาทางจบด้วยกันได้ มากกว่าจะมาสาดสีป้ายสีเอาความสะใจ เอากระแสข่าว

คลิปอีจันแนะนำ
สาวหล่อ เปิดใจ ตกนรกทั้งเป็น ถูกบังคับทรีซั่ม