ทั่วโลกกังวลลองโควิด ป่วยยืดเยื้อ! ยังไม่มีวิธีรักษา

หมอธีระ เผย ทั่วโลกกังวลลองโควิด เป็นได้ตั้งแต่หลายเดือนจนถึงถาวร บั่นทอนคุณภาพชีวิต และวันนี้ยังไม่มีวิธีรักษา

วันนี้ (16 ส.ค.65) ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลก เมื่อเวลา 10.00 น. ระบุว่า ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อรวม 595,947,974 ราย รักษาหายแล้ว 569,866,358 ราย เสียชีวิต 6,456,487 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขรวมทั้งหมดกว่า 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา และประชากรโลกกำลังเผชิญกับอาการลองโควิด ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย!

ประเด็นอาการลองโควิด รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เรื่องลองโควิด (Long COVID) สำหรับประชาชน โดยมีใจความสำคัญว่า…

ภาวะผิดปกติหลังติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่เรียกว่า Long COVID นั้นเป็นเรื่องที่ทั่วโลกกังวล และส่งผลบั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะการดำเนินชีวิตประจำวัน และการทำงาน รวมถึงเป็นภาระค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งผู้ป่วย ครอบครัว คนรัก คนใกล้ชิด ที่ทำงาน และสังคม

โดยสาเหตุของลองโควิด แน่นอนว่าเกิดจากการติดเชื้อโรคโควิด-19 แม้รักษาระยะแรกหายแล้ว แต่ก่อให้เกิดความผิดปกติในร่างกายต่อเนื่อง โดยอาจเกิดขึ้นจาก

1. มีการติดเชื้อถาวร หรือมีชิ้นส่วนหรือสารพันธุกรรมของไวรัส ค้างอยู่ในร่างกาย (persistent infection) โดยปัจจุบันมีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยัน

2. เกิดกระบวนการอักเสบระยะยาวเรื้อรัง (chronic inflammatory process)

3. การติดเชื้อทำให้การทำงานอวัยวะและระบบต่างๆ ของร่างกายผิดปกติไปจากเดิม (organ dysfunction from viral infection)

4. เกิดภูมิต่อต้านตนเอง (autoantibody) แต่ล่าสุดงานวิจัยจาก Ishikawa A มหาวิทยาลัยเยล ชี้ให้เห็นว่ากลไกนี้อาจเป็นไปได้น้อยลง

5. เกิดการเสียสมดุลของเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในร่างกาย และส่งผลต่อความผิดปกติของอวัยวะและระบบต่างๆ ตามมา (Dysbiosis)

อาการผิดปกติของลองโควิด เกิดขึ้นได้แทบทุกระบบ ตั้งแต่สมอง ระบบประสาท ภาวะสมองฝ่อ ความจำเสื่อม คิดวิเคราะห์ลำบากกว่าปกติ ปวดหัว เวียนหัว ปัญหาการนอนหลับ และความผิดปกติทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า เครียดวิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน

ปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ตั้งแต่กล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อบุหัวใจอักเสบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจขาดเลือด หัวใจหยุดเต้น รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง และการอุดตันของหลอดเลือดตามที่ต่างๆ

ระบบหายใจผิดปกติ ทำให้เหนื่อยง่าย หอบ เพราะมีความผิดปกติของสมรรถนะของปอดและการแลกเปลี่ยนออกซิเจน

ระบบต่อมไร้ท่อ ได้แก่ การเกิดโรคเบาหวานในคนที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวมถึงคนที่เคยเป็นเบาหวานมาก่อนก็อาจคุมโรคได้ยากมากขึ้น, ฮอร์โมน Cortisol ต่ำกว่าปกติ, และปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศ อารมณ์ทางเพศลดลง ปัญหาในการหลั่งอสุจิ

รวมถึงอาการทางระบบอื่น ได้แก่ อ่อนเพลียเหนื่อยล้าจนทำงานไม่ไหว ออกกำลังกายไม่ไหว ผมร่วง และอาการปวดที่ต่างๆ ตามร่างกายทั้งกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ

คำถามที่หลายคนอยากรู้ คือ ต้องเผชิญกับอาการผิดปกติไปนานแค่ไหน?

…ผิดปกติเกิดขึ้นได้ตั้งแต่หลายเดือนไปเป็นปี หรือเป็นแบบถาวร ขึ้นอยู่กับความผิดปกติที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ลองโควิดเกิดได้กับทุกคนที่เคยติดโควิด ทั้งในคนที่เคยติดเชื้อแบบไม่มีอาการ อาการน้อย หรืออาการรุนแรง และทุกเพศ ทุกวัย โดยผู้ที่ป่วยปานกลางและรุนแรงจะเสี่ยงกว่าป่วยน้อยและไม่มีอาการ, เพศหญิงเสี่ยงกว่าเพศชาย (ราว 2 เท่า), และวัยผู้ใหญ่เสี่ยงกว่าวัยเด็ก

โอกาสเกิดมากน้อยเพียงใด?

เฉลี่ยแล้วมีโอกาสเกิดขึ้นราว 5-30⁺% ขึ้นกับสายพันธุ์ที่ติดเชื้อ และปัจจัยต่างๆ เช่น เพศ วัย อาการป่วยที่เป็น การฉีดวัคซีน ฯลฯ

US CDC พบว่า เกิดในวัยผู้ใหญ่ได้ราว 1 ใน 5 และในวัยเด็กได้ราว 1 ใน 4

ผลวิจัยล่าสุดในเนเธอร์แลนด์ พบเฉลี่ย 1 ใน 8 แต่ไม่ได้รวมอาการสำคัญที่พบบ่อยทั่วโลกคืออาการผิดปกติทางด้านความคิดความจำ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงกว่านั้น

สำหรับการป้องกันคือ ฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด จะช่วยลดความเสี่ยงต่อ Long COVID ได้ราว 15% ซึ่งวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ

ขณะนี้ ยังไม่มีวิธีรักษา Long COVID เฉพาะเจาะจง ปัจจุบันมีงานวิจัยทั่วโลกราว 26 โครงการที่กำลังศึกษาอยู่ แต่ต้องใช้เวลาหากมีอาการผิดปกติจึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย และทำการดูแลรักษาโรคหรืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม โรคโควิด ก็ยังคงอยู่กับเราอีกนาน หรืออาจตลอดไป ดังนั้นการดูแลสุขภาพตัวเองเมื่อติดโควิดเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ส่วนคนที่ยังไม่ติดโควิดก็เคร่งครัดในการป้องกันนะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
ฆาตกร หลานรัก ฆ่ายัดบ่อเกรอะ