ทนายเจมส์ เฉลย ด่าแบบไหนดูหมิ่น แบบไหนหมิ่นประมาท

ด่าแบบนี้ชั้นเชิง! ‘ทนายเจมส์’ บอกแล้ว ด่าแบบไหนดูหมิ่น แบบไหนหมิ่นประมาท

ปัจจุบันการด่ากันในโลกออนไลน์ พบเห็นกันได้บ่อยมากยิ่งขึ้น ทำให้มีคดีขึ้นสู่ศาลกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางคน ก็พิมพ์ด่าออกไปในโลกออนไลน์ โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีถึงผลที่อาจจะตามมาในอนาคต บางคำเป็นเพียงแค่คำด่า คำหยาบคาย 


ซึ่งเป็นคดีลหุโทษ มีโทษเพียงเล็กน้อย คือ มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่คำด่าบางคำมีลักษณะเป็นคำหมิ่นประมาท ซึ่งมีอัตราโทษหนักมากขึ้น คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เบื้องต้นอยากให้เข้าใจความหมายของ คำด่า หรือ คำหยาบคาย กับการหมิ่นประมาทนั้น มีลักษณะแตกต่างกัน คำด่าหรือคำหยาบคาย มักจะมีลักษณะ ลดทอนคุณค่าของบุคคล ดูถูก เหยียดหยาม ผู้อื่น


โดยอาจเปรียบเทียบกับสัตว์เลื้อยคลาน เช่น ตัวเงินตัวทอง สุนัข ช้าง หรือ ควาย เป็นต้น หรืออาจจะใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบเกี่ยวกับสติปัญญา เช่น ปัญญาอ่อน บ้า เพี้ยน แสบ เป็นต้น


คำด่า บางคำไม่สามารถเป็นไปได้ เช่น คนไม่สามารถเป็นตัวเงินตัวทอง หรือคนไม่สามารถเป็นสุนัข หรือเป็นช้าง หรือเป็นควายได้ หรือ แม้แต่การด่าว่าปัญญาอ่อน บ้า หรือเพี้ยน ก็เป็นเพียงการด่า หรือเหยียดหยาม ซึ่งไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริง และบางครั้งอาจจะเป็นเพียงการหยอกล้อ 


หรืออาจจะเป็นเพียง คำอุทาน เป็นคำที่เปล่งออกมาโดยไม่คำนึงถึงความหมาย แต่เน้นที่การแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูดเท่านั้น จึงไม่เป็นความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท และอาจจะไม่มีความผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า หรือข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณาด้วย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความสนิทสนมระหว่างคู่สนทนา

การด่านั้น จะต้องด่าต่อหน้า และผู้ที่ถูกด่าจะต้องรับรู้ข้อความนั้นทันที จึงจะมีความผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า หากผู้ที่ด่าและผู้ที่ถูกด่าอยู่ต่างกันคนละสถานที่ ผู้ที่ถูกด่าจึงไม่สามารถรับรู้ข้อความหรือคำด่าได้ทันที กรณีไม่อาจจะมีความผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 3711 / 2557 

นอกจากนี้การโพสต์ด่าผู้อื่นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อความนั้นได้ก็มีความผิดในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 ได้เช่นเดียวกัน 

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนการหมิ่นประมาท คือ การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง แม้จะไม่ระบุชื่อของผู้ที่ถูกใส่ความ แต่หากการใส่ความนั้น บุคคลทั่วไปทราบได้ว่าหมายถึงบุคคลใด ผู้เสียหายก็สามารถดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทได้ ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 328 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

อ้างอิงคำพิพากษาฎีกา 5276/2562 

การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 328 ต้องเป็นการใส่ความระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความเป็นการยืนยันรู้ได้แน่นอนว่าบุคคลที่ถูกใส่ความเป็นใคร หรือหากไม่ระบุถึงผู้ที่ถูกใส่ความโดยตรง การใส่ความนั้นก็ต้องได้ความว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

โดยเฉพาะความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ผู้กระทำต้องเผยแพร่ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทออกไปยังสาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป การที่จำเลยส่งข้อความลงในแอปพลิเคชันไลน์ กลุ่มโพสท์นิวส์ออนไลน์ มีลักษณะเป็นเพียงเจตนาการแจ้งหรือไขข่าวไปยังเฉพาะกลุ่มบุคคล ซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์เท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นการกระจายข่าวไปสู่สาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป คดีโจทก็ไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 

สุดท้ายนี้ การโพสต์ข้อความหรือการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต  ภายใต้กฎหมาย หรือ สิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่หากเป็นการใช้สิทธิเกินส่วน จนไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการโพสต์ข้อความของท่าน ก็อาจจะดำเนินคดีท่านได้นะครับ