ริว จิตสัมผัส ผู้บรรเทาทุกข์ของวิญญาณ

ถ้าพูดถึงคนที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือวิญญาณ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ริว จิตสัมผัส แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เขา มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ฝันเห็นองค์เทพกวนอู และนั่น คือแสงสว่างแรกที่ทำให้ ริว จิตสัมผัส ยอมรับในความพิเศษของตัวเอง

ริว จิตสัมผัส หรือ ริว ปาณรวัฐ ลิ่มรัตนอาภรณ์ เล่าจุดเริ่มต้นความพิเศษที่ใครเรียกว่า “จิตสัมผัส” ให้อีจันฟังว่า จริงๆ แล้ว ตนเองมีสิ่งนี้มาตั้งแต่เกิด แต่มารู้ครั้งแรกตอน ป.3 เพราะมีอยู่คืนหนึ่งองค์เทพกวนอูมาเข้าฝันพร้อมกับบอกว่ามีภารกิจร่วมกัน

ริวเล่าว่า ตัวเองนั้นเห็นดวงวิญญาณตั้งแต่เด็ก แต่แค่ไม่รู้ว่าหน้าที่ต้องทำอะไร อย่างเช่นตอนเด็กๆ เวลาไปโรงพยาบาล ไปจับขาใครก็จะเห็นเลยว่าคนคนนั้นจะมีชีวิตถึงเมื่อไหร่ แล้วที่หน้าผากจะมีอักษรคำว่าตาย ที่ผ่านมาในชีวิตมีฝ 11 คนที่ตนได้เคยบอกและก็ตายทั้งหมด

จากนั้น กระทั่ง ป.6 ตนมีอาการกินเนื้อสัตว์ไม่ได้ เห็นทุกอย่างที่กินบนโต๊ะอาหารเป็นเลือด ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกินข้าวกับผลไม้ เช่น กินเงาะกับข้าว ทุเรียนกับข้าว กินเหมือนคนโบราณและหลังจากนั้นมาก็กินเนื้อสัตว์ไม่ได้เลย ซึ่งในช่วงเวลานั้นก็เริ่มถูกคนที่บ้านต่อว่าว่า มีกินทำไมไม่กิน พ่อแม่ก็ไม่มีแล้วยังทำตัวให้มีปัญหา

หลังจากนั้น ท่านกวนอู ก็มาบอกว่า ต่อไปนี้ต้องเริ่มเรียนรู้ได้แล้วว่าการช่วยคนมีอยู่ 3 อย่างที่จะต้องเรียนรู้ คือ นรก สวรรค์ กรรม

ริวบอกว่าได้ไปเรียนรู้ของคำว่าคน ว่า คนเราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร แล้วทำไมคนบางคนเกิดมาถึงต้องนอนอยู่ข้างถนน ทำไมต้องทุกข์ บางคนเกิดมาจนมากแต่ไม่ตาย กินข้าวข้างทาง อยู่กับถังขยะกลับไม่ป่วย แต่กับบางคนมีทุกอย่าง รวย มีรถใช้ แต่ป่วยเอาป่วยเอา ทั้งหมดนี้ท่านบอกว่า “นี่คือกรรม”

ส่วนการเรียนรู้ นรก สวรรค์ ท่านกวนอูให้เห็นก่อนว่า คำว่าสวรรค์จริงๆ คืออะไร ในความตายของมนุษย์ เวลาจะตาย ทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะการขาดอากาศหายใจ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นคนมีอาการดิ้นทุรนทุรายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต หรือ บางคนก็จากไปอย่างสงบ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เรียกว่าเป็นกรรมกำหนดกรรมในภายภาคหน้า

เคยเห็นไหม เวลาคนจะตายบางคนมีอาการเพ้อเห็นนู่นเห็นนี่ มีคนมารอปลายเตียง นั่นคือกรรมของเขาเริ่มสะท้อนเป็นกระจกออกมา เขาก็จะหวาดกลัวในความตาย พอเขาเสียชีวิตก็จะมีอากัปกิริยาที่แตกต่างกัน เช่น อ้าปากค้าง ตาไม่หลับ นั่นก็คือเจ้ากรรมนายเวรที่มาพาเขาไป คนแบบนี่เขาเรียกว่า “ไปไม่ดี” ก็เลยเรียกว่า “นรก”

ส่วนคนที่จากไปโดยสงบ ก็แปลว่า สวรรค์ เพราะจิตของเขาไม่ได้หวาดกลัวกับความตาย เวลาที่เขาหมดลมหายใจ เขาก็นอนหลับไปเฉยๆ

นี่คือ 3 สิ่งที่เทพกวนอูให้ริวเรียนรู้

จากเรียนรู้ สู่ ผู้ทำหน้าที่บรรเทาทุกข์ คน-วิญญาณ

ริว ย้อนเรื่องราวให้อีจันฟังว่า มีครั้งหนึ่งที่จำได้ตอนที่เริ่มมีอาการสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นั่งเรียนหนังสืออยู่ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวน จนเป็นไมเกรนเหมือนเป็นคนบ้า อยู่ตรงไหนก็ได้ยิน จึงเริ่มเดินสายนี้โดยการขอแม่บุญธรรมเปิดร้านอาหารเจที่สุไหงโกลก แต่เมื่อเปิดร้านก็เริ่มมีอาการปัสสาวะ หรือ ถ่ายออกมาเป็นเลือด ไม่มีแรงขายของไม่ได้

อาการเหล่านี้ได้รู้ว่าเกิดจากเจ้าที่บอกตนว่าหน้าที่ของริว ไม่ใช่มาหาเงินแบบนี้ จึงไม่ยอมให้เรามาทำมาค้าขาย แล้วหลังจากนั้นตนก็เล่าให้ทุกคนฟังว่าท่านกวนอูพาตนไปที่หนึ่ง ก็ไปเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งใส่จีวรสีดำๆ และก็นั่งสมาธิมีแผ่นศิลา และในเสียงนั้นถามริวว่า เธอรู้ไหมว่าพระรูปนี้ท่านเป็นใคร ริวก็บอกไม่รู้ เขาก็บอกว่านั่นแหละคือเธอ แต่ผลกรรมที่เธอทำไว้ทำให้เธอไม่สามารถหลุดพ้นได้ ในชาตินี้เธอถึงจะต้องเกิดมาเพื่อที่จะสานต่อในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ

ริว จิตสัมผัส กับดราม่า เตี๊ยม คุยกับหัวไหล่ มโนว่าเห็นผี!!!

ในส่วนของประเด็นนี้ ริว บอกว่า คนที่ตายจากไปส่วนใหญ่เป็นวิญญาณทุกข์ทรมาน ไม่มีดวงวิญญาณไหนที่มาแล้วหัวเราะมีความสุขกับการตาย ฉะนั้นเวลามาเขาจึงมานั่งคุกเข่า เพื่อที่จะเล่าเรื่องราวของเขาให้เราฟัง ตนจึงต้องเอนตัวไปตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาจะบอก

นอกจากนี้ ริวยังบอกด้วยว่าอะไรที่เกี่ยวกับคดีความตนไม่มีสิทธิแตะต้อง เพราะว่ามนุษย์มีกฎแห่งกรรมซึ่งกันและกัน ถึงแม้ตนจะรับรู้อะไรได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตนจะไปยุ่งกับสิ่งเหล่านั้นได้ อันนี้ในหลักความเชื่อ แต่ในหลักความเป็นจริงตนยังคงต้องดำรงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย

ริว บอกว่า ในนาทีนั้นวิญญาณจะคิดอย่างเดียวว่าอยากชดเชยในสิ่งที่ไม่ได้ทำตอนที่มีชีวิตอยู่

สุดท้ายแล้ว ตนมีหน้าที่ทำให้ระหว่างคนที่จากไปและมีสิ่งที่เขาทุกข์ หรือตอนมีชีวิตอยู่เขาทำบาปกรรมอะไรไว้ และได้รับโอกาสมาบอก ก็แค่ต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้รู้ว่า เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ คนเราควรรักกันและให้อภัยกัน เมื่อมีชีวิตอยู่คนเราควรทำความดีเพราะเมื่อคุณจากไปแล้วคุณอยากทำอะไรคุณก็ไม่สามารถทำได้…