Soft Power ของไทย สร้างเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง

รัฐสภาจัด นิทรรศการ Soft Power ของไทยที่น่าสนใจพร้อมรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

“นิทรรศการ Soft Power หน้าห้องประชุมรัฐสภา” 

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.66 ที่ผ่านมาที่รัฐสภามีการจัดงานนิทรรศการ Soft Power ของไทยที่น่าสนใจพร้อมรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 

โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและพิจารณาเสนอแนะแผนกลยุทธ์การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงแห่งชาติ 

ทางด้านสว. วีระศักดิ์ โควสุรัตน์  พูดถึงเรื่อง 5 F ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ศิลปะการต่อสู้เทศกาล แฟชั่นหรือฟิล์ม  

เสน่ห์ที่ถูกทำให้จำถ้าพูดถึงเรื่องอาหารมีศักยภาพที่จะก้าวไปสู่การเป็นซพาวเวอร์ได้ แต่ว่าจะไปด้วยพาหนะใดเพราะพาหนะที่เราใช้มานานคือการที่เราพาคนจากข้างนอกเข้ามาเที่ยวในไทยเลยได้ชิม เพราะการที่อาหารถูกขายจากต่างประเทศอย่างเช่นพวกเครื่องเทศอยากจะเปลี่ยนหรือแปลกไป 

ภาพจำของศิลปะการต่อสู้ของไทยเป็นสิ่งที่เสพด้วยตาได้ง่ายคนแยกได้ระหว่างกังฟูกับมวยไทยคนแยกระหว่างมวยไทยกับคาราเต้ แต่ในส่วนที่คนไม่รู้คือสรุปแล้วมวยไทยมีกี่ยกมวยไทยเข่าได้หรือไม่ 

ซึ่งสำหรับศิลปการต่อสู้แบบไทยเดิมกอดคอตีเข่าได้ใช้ศอกและอีกสารพัดอวัยวะในร่างกายได้แต่พอไปเข้าสู่การจัดการที่มุ่งไปที่การตลาดก็ทำให้ไม่อยากมีปี่พาทย์บ้างไม่อยากให้มีการรำไว้ครูบ้างหรือกำหนดให้เหลือแค่สามยก เพื่อให้ได้ความสะใจแต่ก็ยังมีคำตำหนิว่านั่นไม่ใช่มวยไทยเป็นมวยแต่ไม่ใช่มวยไทย สิ่งเหล่านี้ควรจะแก้ไขได้ด้วยการทำให้มีกล่องใส่สามกล่อง “กล่องหนึ่งคือมวยไทยที่เป็นดั้งเดิมแบบมวยไทยประเพณีแบบโบราณปี่พาทย์ไหว้ครูแบบครบถ้วน” 

กล่องที่สองเป็นในส่วนของมวยไทยสากลเช่นไทยไฟต์ 3 ยกไม่ไหว้ครู แต่เกิดความเข้าถึงง่าย 

 กล่องที่สาม เป็นการนำความรู้เกี่ยวกับวิชามวยไทย เป็นมวยไทยประยุกต์ กติกาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  

เพราะเฉพาะนั้น F fight ก็จะมีความเป็นรากมาจากวิชามวยดั้งเดิมแต่มาถูกใส่ข้อจะกันในแต่ละกล่องเท่านั้นเอง ในส่วนของเทศกาล นั้นคือความสนุก หรือจะแฟชั่น นั้นก็มีกล่องเช่นกัน เป็นกล่องที่ว่าด้วย Material ลายที่ปัก ที่ทอ นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่บอกเล่าวิถีชีวิต 

“Sofpower ต้องใช้เวลา ยกตัวอย่างเหมือนต้นไม้ ทุกต้นโตไม่เท่ากัน” 

ทางด้านพลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมาธิการ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมวุฒิสภาได้เผยถึง นิทรรศการที่จัดขึ้นครั้งนี้ว่า ต้องขอย้อนไปนิดนึงถึงสองเดือนที่แล้ว ทางคณะกรรมาธิการฯ

ได้รับข้อเสนอ จากสมาชิกว่าอยากให้เพิ่มเติมแผนกลยุทธ์เกี่ยวกับเรื่อง Soft Power ของไทยซึ่งเดิมแล้วเราก็ทำเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยก็จะมีเกี่ยวกับประเพณีศิลปะวัฒนธรรมของภาษาวรรณกรรม  เลยตกใจและทำเรื่องขออนุมัติการ คณะกรรมาธิการ วิสามัญ เรื่องของการเสนอแนะแผนกลยุทธ์ ในการนำซอฟพาวเวอร์แห่งชาติมาใช้ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงของชาติ

ส่วนหนึ่งอยากให้สมาชิกวุฒิสภาได้เห็นและมีคำถาม ข้อเสนอแนะแล้วก็จะนำไปประเด็นต่างๆมาทำในช่วงที่สอง ซึ่งเราจะจะมีบทที่หนึ่ง คือความเป็นมาวัตถุประสงค์และความมุ่งหวังที่เกิดขึ้น ในบทที่สองทักษะคล้ายๆวรรณกรรมซึ่งตอนนี้เรากำลังทำบทที่สองและในส่วนของบทที่สามบท ที่สามเป็นวิธีการที่จะได้มาซึ่งข้อมูลที่เราต้องการศึกษาและบทบทที่สี่ก็จะเป็นสิ่งที่ค้นพบว่าจากการศึกษาทั้งหมด ในสามส่วนที่เราทำมารวมถึงการสอบถามและการจัดนิทรรศการว่าพบอะไรที่เป็นส่วนที่สามารถขับเคลื่อนได้ในระดับต้นต้นปานกลางและระยะเวลาจากนั้นก็จะเป็นข้อเสนอแนะ 

ความคาดหวังซึ่งทั้ง 5 f ที่มีทั้ง ศิลปะการต่อสู้ เทศกาล แฟชั่น  ฟิล์ม และอาหาร ยกตัวอย่างเช่น F ฟู๊ด อาหาร ก็จะเป็นอาหารที่เป็นอาหารหลักอาหารว่างอาหารเสริมแล้วก็จะมีเครื่องดื่มจะเป็นอาหารที่มีรสชาติมีความเป็นไทยมีส่วนผสมที่มีความเป็นไทยไทยแต่ก็แน่นอนว่าซึ่งใน 100 ถึง 200 ปีที่ผ่านมาก็จะมีการรับวัฒนธรรมที่ผสมผสาน ให้นำอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ทำจาก พืช สมุนไพรของไทย ที่มี สรรพคุณ เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงให้ร้านค้า ใหญ่ใหญ่ที่มีประสบการณ์ให้คำปรึกษากับร้านเล็กๆเช่นกัน 

และใน นิทรรศการครั้งนี้มีอาหารจากหลายภาคส่วนมาจัดแสดง รวมถึงอาหารว่าง ที่หากินได้ยากมาก จีบไทย ช่อม่วง เบญจวัฒนาลายประจำยาม และกระทงทอง ทั้งหมดนี้จะมีในงาน สมโภช 338 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธ.ค. 66- 2 ม.ค. 67 นี้ค่ะ