กระทรวงทรัพฯ ลงพื้นที่ รีสอร์ทดัง เกาะเต่า หลังพบ สร้างห้องพักบนโขดหิน

ทส.ตรวจแล้ว รีสอร์ทดังบน เกาะเต่า สร้างห้องพักบนโขดหิน พบผิดจริง ด้านเจ้าของ ยอมรับทุกข้อหา เตรียมรื้อถอน

นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงการลงพื้นที่ เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจสอบข้อร้องเรียน หลังจากที่มีรีสอร์ทแห่งหนึ่ง สร้างห้องพักรุกล้ำไปบนโขดหินธรรมชาติ โดยมีใจความว่า

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 66 ตามที่ได้รับร้องเรียนผ่านทางโซเชียลมีเดียส์ โดย FACEBOOK “ชมรม STRONG ต้านทุจริต จังหวัดสุราษฎร์ธานี” แชร์ภาพ TikTok จากนักท่องเที่ยว เป็นภาพรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะเต่า และตั้งคำถามถึงการก่อสร้างอาคารที่พักบนโขดหินติดริมทะเลของรีสอร์ทดังกล่าว ว่าถูกต้องหรือไม่

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการเร่งด่วน มอบหมายให้ ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำกำลังเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับรีสอร์ทแห่งนั้นทันที

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่าพื้นที่เกาะเต่าเป็นพื้นที่ราชพัสดุทั้งเกาะ มีกรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแล และ บริษัทของรีสอร์ทต้นเรื่อง เป็นผู้ครอบครองอาคาร 1 บ้านเลขที่บนเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยไม่ได้มีการขออนุญาตก่อสร้างจากเทศบาลตำบลเกาะเต่า พื้นที่ครอบครองยังไม่ได้ดำเนินการเช่าที่ดินจากธนารักษ์ และอาคารที่พักไม่ได้มีการขออนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร รวมถึงยังไม่ได้มีการจดแจ้งหรือได้รับใบอนุญาตแต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สั่งห้ามมิให้บุคคลใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆ ของอาคาร ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า บริเวณอาคารที่พัก มีท่อน้ำทิ้งปล่อยลงทะเล ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะในแผ่นดิน โดยไม่มีการบำบัดตามมาตรฐานของทางราชการ

เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำของ บริษัทดังกล่าว เป็นการกระทำการผิดกฎหมาย ดังต่อไปนี้

พระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 ฐาน ยึดถือหรือครอบครองทั้งหมดหรือแต่บางส่วน โดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ โดยปกติสุข หรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพแก่ที่ราชพัสดุ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 45

– พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐาน ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือแจ้งต่อพนักงานท้องถิ่นและดำเนินการตามมาตรา 39 ทวิ ตามมาตรา 21 ประกอบมาตรา 65

– พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐาน ประกอบธุรกิจโรงแรม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน มาตรา 15 ประกอบมาตรา 59

– พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ฐาน ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 44 หรือตามประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา 45 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เจ้าหน้าที่ ได้จัดทำบันทึก พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นำเรื่องราวส่งพนักงานสอบสอนสถานีตำรวจภูธรเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดย ดร.ยุทธพล เผยว่า จากการพูดคุย กับ นางสุนิสา เจ้าของรีสอร์ท ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมยอมรับทุกข้อกล่าวหา ยืนยันทำไปด้วยไม่รู้ข้อกฎหมาย จากนี้ยินดีรื้อถอนอาคาร พร้อมรับผิดชอบฟื้นฟูพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้กลับคืนสู่สภาพเดิม