บิ๊กเด่น แจงปม ทุนจีนสีเทา หลัง ชูวิทย์ ถามกลัวอิทธิพล ตู้ห่าว

บิ๊กเด่น ผบ.ตร. แจงยิบปม ทุนจีนสีเทา ยืนยันไม่กลัวอิทธิพล ตู้ห่าว ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา

จากกรณี ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีการตั้งคำถามถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ว่าอาจจะกลัวอิทธิพล ตู้ห่าว

ชูวิทย์ ซัด บิ๊กเด่น ปม มาเฟียทุนจีนสีเทา ถาม ผบ.ตร. ขี้กลัว?

เกี่ยวกับเรื่องนี้ (11 ธ.ค. 65) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า นายชูวิทย์ อาจจะมีการเข้าใจผิด ในหลายเรื่องที่อาจจะทำให้ไม่มั่นใจในตำรวจขึ้นมา เริ่มต้นคดีผับจินหลิงเกิดจาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ต้องให้เครดิตท่าน เนื่องจากมีการสืบทางลึกมา และได้ใช้กำลังที่ไม่เกี่ยวกับท้องที่เพื่อไม่ให้มีการข่าวรั่ว โดยได้เข้าไปดำเนินการเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 65 จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก

ส่วนที่นายชูวิทย์บอกว่าตรวจปัสสาวะเหลือ 6 คน ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ได้มีการตรวจสารเสพติดเบื้องต้นเป็นผลบวก  104 คน และส่งทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลธัญลักษณ์ เพื่อตรวจยืนยันผล โดยทางโรงพยาบาลได้ยืนยันผลมา 77 ราย รับสารภาพ 66 ราย ก็ได้ส่งฟ้องศาล ปฏิเสธ 11 ราย โดยมีหนึ่งรายได้ประกันตัวและหลบหนี 1 ซึ่งทั้งหมด 76 รายอยู่ระหว่างการควบคุมตัวของทางการ และส่วนใหญ่ที่เป็นคนจีนต้องรอส่งกลับเมื่อคดีเสร็จสิ้น ก็เป็นความคืบหน้าว่าได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทางผู้บัญชาการก็รู้รายละเอียดดีจึงเป็นสาเหตุให้ตนได้แต่งตั้ง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทันทีที่คดีเกิดขึ้นในวันที่ 26 ต.ค. 65 ทาง พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ไปร่วมในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งทาง พล.ต.ต.นครินทร์ ก็เพิ่งมาใหม่ได้เพียงไม่กี่วันก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนโดยให้รองผู้บังคับการที่ดูแลด้านสืบสวนสอบสวนนครบาล 6 เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ทางผบก.น.6 ไม่ได้ให้ สน.ยานนาวา ทำโดยลำพัง

ต่อมาตนเห็นว่าคดีนี้เป็นที่น่าสนใจและเป็นคดีที่อาจจะมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับคดีต่างๆ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานโดยมี ผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวน โดยตนได้เซ็นคำสั่งเอง

และยังได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้ากำกับดูแลงานสืบสวนสอบสวนด้วย ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีอำนาจเต็มแทนตนได้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถ้านายชูวิทย์ไปพูดแล้วทำให้คนอื่นเข้าใจคลาดเคลื่อน ตนจะมากำกับดูแลใกล้ชิดด้วยตนเอง เพื่อจะได้ตัดปัญหาความคลางแคลงใจในเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งตนก็มั่นใจว่าคดีนี้ไม่ใช่เป็นคดีมวยล้มต้มคนดู

ส่วน ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ก็ได้รายงานความคืบหน้ากับตนเป็นระยะๆ เบื้องต้นอย่างที่ทุกท่านทราบว่าคดีนี้ สามารถจับกุมขยายจากคดีเสพมาเป็นคดีครอบครองได้หลายคน ต่อมาได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาที่เปิดสถานบริการด้วย

และได้ขยายผลต่อจนเป็นคดีสมคบเรื่องยาเสพติด มีการออกหมายจับและอยู่ในความควบคุมตัวของตำรวจ 9 ราย รวมทั้งนายตู้ห่าว ซึ่งพยานหลักฐานในตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการ ทุกคนยังอยู่ในเรือนจำอยู่ ศาลได้พิจารณาหลักฐานของตำรวจโดยทาง ผบช.น.ไปขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลก็ได้อนุมัติ เป็นผลการปฏิบัติเบื้องต้นที่มั่นใจได้

ผบ.ตร. กล่าวว่า หากถามว่าทำไมยังไม่ดำเนินคดีฟอกเงิน ต้องชี้แจงว่าคดียาเสพติดข้อหาสมคบตาม พ.ร.บ.มาตรการ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. สามารถยึดและอายัดทรัพย์สินได้ครอบคลุมอยู่แล้วตามประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งสะดวก รวดเร็ว ครอบคลุม เมื่อยึดอายัดทรัพย์สินแล้ว ภาระการพิสูจน์ทรัพย์สินของนายตู้ห่าวทั้งหมด นายตู้ห่าวจะต้องมาแสดงว่าได้ทรัพย์สินมาได้อย่างไร ถูกต้องหรือไม่อย่างไร ส่วน ปปง. ก็ไม่ได้ทิ้งก็จะตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินที่ถ่ายทอดไปยังบุคคลอื่นอย่างไร โดยได้ทำงานคู่ขนานกันไป พร้อมเชิญเจ้าหน้าที่ ปปง. มาร่วมตรวจสอบด้วย

กรณีที่มีผู้จัดหาผลประโยชน์ รับเงิน โอนเงิน หรือฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เรามีการแจ้งแน่นอน แต่จะใช้กฎหมายเน้นปราบปราม ตัดวงจร ซึ่งขอระยะเวลาในการรวบรวม

ส่วนทำไมถึงไม่ใช่คดีนอกราชและอัยการสูงสุดยังไม่เข้ามาควบคุมการสอบสวน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้จากพยานหลักฐานยังเป็นคดีในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นคดีที่ตำรวจต้องเป็นผู้ดำเนินการ แต่เราไม่ได้ละเลยความสำคัญของท่านอัยการ เพราะเป็นคดีสำคัญ เป็นคดีที่จะทำอย่างตรงไปตรงมาที่สุด

เราได้ขอความร่วมมือไปทางสำนักงานอัยการคดียาเสพติดเป็นการประสานงานให้ส่วนราชการ ต้องหารืออยู่แล้ว เพราะต้องส่งสำนวนคดีทั้งหมดให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินคดี

ทั้งหมดเป็นความคืบหน้าซึ่งจริงๆ แล้วคดียาเสพติดทั้งหมด หรือคดีที่เกี่ยวข้องต่างๆ เป็นไปตามนโยบายที่ตนได้มีนโยบายตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 แล้ว ทั้งเรื่องยาเสพติดต่างๆ ไม่ใช่จะดูที่รายนี้เพียงรายเดียว จะดูทุกมิติ ในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด

“เราทำอย่างตรงไปตรงมา ผมขอยืนยันให้มั่นใจได้ และขอบอกคุณชูวิทย์ว่า ถ้าท่านต้องการที่จะให้ข้อมูล ผมยินดี ท่านจะนำมาให้ผมโดยตรง หรือจะไปคุยหารือกับ ผบช.น. ก็ได้ ถ้าท่านสบายใจ หรือจะ รอ ผบ.ตร. ทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ก็ได้ แต่ผมยินดีท่านติดต่อผมได้โดยตรงได้ ผมยินดีจะรับข้อมูล ตอนนี้ผมก็ดูแลอย่างใกล้ชิด” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวยืนยัน

เมื่อถามถึงกระบวนการแจ้งข้อหาฟอกเงินจะล่าช้าหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้เริ่มต้นจากคดีเสพ เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 65 โดยได้ขอออกหมายจับช่วงประมาณวันที่ 22-23 พ.ย. 65 ใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ ในเรื่องนี้ยังต้องพิจารณาเรื่องเส้นทางการเงินและอะไรต่างๆ อีกเยอะ รวมถึงการสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งได้มีการสอบพยานไปจำนวนมากแล้ว ซึ่งทาง ผบช.น. มีบุคลิกเงียบอาจจะไม่ชอบให้ข่าว ตนก็ได้สั่งการแล้วว่า ต่อไปขอให้รายงานความคืบหน้าทางคดีให้กับสื่อมวลชนได้รับทราบผ่านไปยังพี่น้องประชาชนให้มีความคืบหน้าเป็นระยะๆ เพื่อจะได้ให้เกิดความสบายใจว่า ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นใดที่มีความสงสัยฝากแนะนำมาก็จะไปสอบปากคำให้ครบจนเสร็จสิ้นกระบวนข้อสงสัยต่างๆ จริงๆ แล้วตำรวจพยายามทำอย่างเต็มที่ ตนเองในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องดูในภาพรวม ไม่ได้มีเพียงคดีเดียว ตอนนี้ได้โฟกัสไปที่ภาพรวมของการแก้ไขปัญหายาเสพติดในมิติของการป้องกันปราบปรามและบำบัด ที่จะเข้าไปดูแลในภาพรวมของแต่ละชุมชน และอยู่ระหว่างร่วมกับอัยการแก้ปัญหาเรื่องปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ซึ่งทุกคนคงทราบว่าตัวการใหญ่ ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ

ส่วนในประเทศอยู่ระหว่างการร่าง พ.ร.ก. ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ เพื่อเข้าสู่ ครม. ให้ได้โดยเร็วตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีการดำเนินการในหลายเรื่อง รวมถึงคดีนี้ ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพล.ต.ท.ธิติ ก็ได้รายงานความคืบหน้ากับตนมาโดยตลอด

ส่วนที่ นายชูวิทย์ ได้ตั้งคำถามถึงตนเองว่าเกรงกลัวอิทธิพลของนายตู้ห่าวหรือไม่ ตนเห็นทางนายชูวิทย์ไว้ใจ รอง ผบ.ตร.ทั้ง 2 ท่าน ก็คิดว่าเพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้หากนายชูวิทย์ต้องการให้ตนลงมา ตนก็จะลงมาเพื่อให้เกิดความสบายใจ จริงๆ ตนก็ดูอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้รายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ โดยที่ไม่ได้เป็นข่าว แต่ตอนนี้ก็อาจจะต้องออกข่าวบ้าง ซึ่งจะเน้นย้ำให้ ผบช.น. ให้ข่าวเป็นระยะๆ ตามความคืบหน้า ไม่มีมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่มีอำนาจ เปรียบเหมือนยักษ์ไม่มีกระบองนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริงตามที่นายชูวิทย์เข้าใจ ทุกคดีที่ทำคดีทั่วประเทศ รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวนทำแทน ผบ.ตร. ได้อยู่แล้ว รองผบ.ตร. ทุกท่านตนมอบอำนาจไปแล้ว ทำได้อยู่แล้วทุกคดี

คดีนี้ถือเป็นคดีแรกด้วยซ้ำของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ตนยกระดับให้ ผบช.น. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งปกติในคดีสำคัญใหญ่ๆ จะเป็นแค่รองผู้การ หรือรองผู้บัญชาการ ซึ่งตนมองว่า ผบช.น. ทราบปัญหาตั้งแต่ต้น ได้เข้าไปตรวจค้นจับกุมด้วยตนเอง ท่านรู้มากที่สุด และแสดงให้เห็นแล้วว่าทราบข้อมูลเชิงลึกจึงไปจับกุมโดยที่ไม่บอกท้องที่ เพราะฉะนั้นตนจึงต้องให้ความไว้วางใจ ผบช.น. ซึ่งคงไม่มีอิทธิพลใดๆ ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวได้อยู่แล้ว ตนขอยืนยัน

คลิปแนะนำอีจัน
นาที “ตู้ห่าว” มอบตัว ปัดไม่ยุ่งยาเสพติด