เบตง คุมเข้ม ตรวจสอบพาหนะทุกชนิด หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย คาร์บอมบ์นราธิวาส

ตำรวจ สภ.เบตง และหน่วยกำลังในพื้นที่ ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด คุมเข้ม ตรวจสอบพาหนะทุกชนิด หวั่นซ้ำรอย คาร์บอมบ์นราธิวาส

ภายหลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ แฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 22 พ.ย.65 จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย  มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 37 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย

คาร์บอมบ์ แฟลตตำรวจ นราธิวาส

หลังจากเกิดเหตุ พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล ผกก.สภ.เบตง  ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ตรวจสอบบุคคล และยานพาหนะที่ เข้า-ออก เมืองเบตง ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ อย่างละเอียด รวมถึงบุคคลที่มีสัมภาระที่น่าสงสัย ก่อนจะเข้าไปติดต่อสถานราชการ สภ.เบตง หรือ ที่บ้านพัก แฟลตตำรวจ  ของ สภ.เบตง และขอความร่วมมือเปิดเบาะรถจักรยานยนต์ และแขวนหมวกกันน็อกทุกครั้ง  จอดรถในจุดที่กำหนด ก่อนจะมาติดต่อราชการ

นอกจากนี้ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถของหน่วยงานราชการทุกคัน ก่อนที่จะขับเข้าไปจอดใน สภ.เบตง. รวมถึง แฟลตตำรวจ และบ้านพักของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำรอยขึ้นมาอีก ขณะที่หน่วยกำลัง ฝ่ายปกครอง อส. ชรบ. ได้ตั้งด่านตรวจสอบพาหนะทุกชนิดที่เข้า-ออก รอยต่อเมืองเบตงและรักษาความปลอดภัย ครู นักเรียนบริเวณหน้าโรงเรียน และลาดตระเวนรอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายลักลอบเข้ามาก่อเหตุในเขตเมือง พร้อมขอความร่วมมือ พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลบุคคลและวัตถุต้องสงสัย ป้องกันผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาก่อเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่

เนื่องจาก อ.เบตง จ.ยะลา นั้น เป็นพื้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้บูรณาการเฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ทุกหน่วยยกระดับระวังป้องกันสูงสุด ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท และปลอดภัย  และสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวหากพบเห็นสิ่งผิดปกติ บุคคลต้องสงสัย หรือรถต้องสงสัย สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน น.ส.นูเรีย  อาแว  ประชาชนชาวอำเภอเบตง กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมเป็นกำลังใจให้ผู้บาดเจ็บ และครอบครัวทุกคน ขอทุกคนเข้มแข็ง ขอทุกคนช่วยกันเติมเต็มกำลังใจ ก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งการก่อเหตุรุนแรงไม่ได้ส่งผลดีต่อใครเลย มีแต่ความสูญเสียเกิดขึ้น พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านเราเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด – 19 นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเริ่มหลั่งไหลเข้ามาเที่ยว เศรษฐกิจกำลังเติบโต พี่น้องประชาชนกำลังกลับมามีรายได้ พอมีเหตุความรุนแรงส่งผลต่อต่อภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว  คนทำมาค้าขายก็ลำบาก สิ่งที่เราในฐานะประชาชนจะทำได้ก็คือต้องช่วยกันทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาดูแลพื้นที่ ช่วยเจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่งด้วย

คลิปอีจันแนะนำ
รวบไอ้โด่ง ฉุด ด.ช. ค้นตัว พบเงินเป็นปึก!