เปิดชีวิต อากงทองดี มีพระธาตุ มากสุดในไทย 40 ปี ไม่เคยขาย

ปาฏิหาริย์ แรงศรัทธา อากงทองดี มีพระธาตุ มากสุดในไทย 40 ปี ไม่เคยขาย ทำตามสัจจะที่เคยพูดไว้

ปาฏิหาริย์แรงศรัทธา “อากงทองดี” มีพระบรมธาตุ เสด็จมาโดยปาฏิหาริย์ มากที่สุดในไทย

เปิดเรื่องราวชีวิต อากงทองดี หรรษคุณารมย์ อายุ 91 ปี ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ท่านเป็นผู้ที่มีพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมธาตุ เสด็จมาโดยปาฏิหาริย์มากที่สุดในประเทศไทย เป็นเวลานานกว่า 40 ปี

สำหรับชีวิตวัยเด็กของ อากงทองดี เล่าว่า พ่อแม่เป็นคนจีน นับถือศาสนาพุทธแบบมหายาน ส่วนผมนับถือทั้งศาสนาพุทธ และศาสนาคริสต์ ผมจบ ป.4 พอโตขึ้นมา ก็ทำงานเป็นช่างภาพ ในร้านถ่ายรูป

หลังจากนั้นออกไปทำงานบริษัทใหญ่ ธุรกิจก่อสร้าง นับเป็น 1 ใน 5 เสือ ของเมืองไทย พอทำงานได้สักพัก เจ้าของบริษัทให้โอกาสผม มาคุมการเงินทั้งบริษัท พร้อมกับให้เงินเดือนสูงถึงหลักหมื่น ซึ่งย้อนไปตอนนั้น ถือว่าได้เงินเยอะมาก

พอมาตอนหลัง ลูกชายเจ้าของบริษัท เรียนจบดอกเตอร์ พ่อเขาให้ลูกมาเป็นลูกน้องผม อาจทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ ที่ต้องมาเป็นลูกน้อง คนที่เรียนจบ ป.4

ซึ่งต่อมา ลูกชายเจ้าของบริษัท สงสัยว่าผมโกง และถามผมว่า “เอาเงินบริษัทไปเท่าไหร่” ผมรู้สึกน้อยใจมาก เพราะซื่อสัตย์มาตลอด 1 สลึง ก็ไม่เคยโกง และผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน

ผมเลยตัดสินใจลาออกจากบริษัท เพื่อไปทำธุรกิจก่อสร้างของตัวเอง พอไปบอกเจ้านายว่าจะลาออก เพื่อไปทำธุรกิจ เขาก็อยากจะหุ้นกับผม 50% แต่ผมปฏิเสธไป เพราะไม่อยากมีปัญหากับลูกชายเขา

หลังจากนั้น ผมเริ่มต้นสร้างตึกแถวขาย หน้า ม.รามคำแหง และสร้างไปเรื่อยๆ เน้นไปที่ริมถนนใหญ่เป็นหลัก มีทั้งลาดพร้าวซอย 2 – 70 สี่แยกลาดพร้าว และแถวรามอินทรา

ส่วนจุดเริ่มเต้น ที่ผมมีพระบรมสารีริกธาตุ และพรมบรมธาตุ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2520 หรือประมาณ 47 ปี ที่แล้ว ตอนนั้นผมอายุ 40 กว่าปี มีโอกาสไปไหว้พุทธสถานที่ประเทศอินเดีย เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงดัง “กริ๊ง” ผมรับรู้ทันทีว่า มีพระธาตุอยู่ใต้ล่างกองดิน กองทราย ที่คนเดินเหยียบข้ามไป ข้ามมา

เสียงที่ได้ยินก็ต่างกัน ถ้าเป็น ”พระบรมสารีริกธาตุ” ของพระพุทธเจ้า จะมีเสียงกรี๊งที่ยาว แต่ถ้าเป็น ”พระธาตุ“ ของพระอรหันต์ จะมีเสียงกริ๊งที่สั้น พอผมได้ยิน ก็จะยกมือไหว้ทุกครั้ง จนคนที่มาอินเดียกับผม บอกว่า รู้สึกขายขี้หน้า เหมือนมากับคนบ้า เพราะผมเจอต้นไม้ กองดิน กองทราย ก็ยกมือไหว้ ซึ่งผมก็ไม่ได้โกธรอะไร เพราะคนที่พูดเขาไม่รู้

หลังจากนั้นปีต่อๆมา เวลาผมไปอินเดีย ตรงไหนที่มี พระบรมสารีริกธาตุ หรือ พรมบรมธาตุ ผมก็จะได้ยินเสียงดัง “กรี๊ง” อยู่ตลอด

จนกระทั่งผมเดินทางไป เจดีย์ช้างล้อม อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ตอนนั้นสภาพเจดีย์รกร้าง กำลังจะพัง ผมก้มลงกราบที่พื้น แล้วอธิษฐานขอว่า “ถ้าพระบรมสารีริกธาตุ และ พรมบรมธาตุ อยู่ในที่ไม่อันควรในโลกนี้ ขอให้ขึ้นมาจากดิน มาอยู่กับผม ผมจะนำไปบรรจุ ในที่อันควรให้เอง“

หลังจากนั้น ผมฝันเห็นเทวดา มาบอกว่า “พระธาตุจะมาที่บ้านแล้ว” พอผมกลับมาบ้านที่ กทม. ผมนำพานมาตั้งและนำผ้าขาวมาปูรอง

ปรากฏว่า ในคืนนั้น มีพระธาตุเสด็จมาโดยปาฏิหาริย์ อยู่บนผ้าขาว ลักษณะเป็นเม็ดเล็กเงาสวย และทุกเม็ด ไม่เหมือนกัน และมีขนาดไม่เท่ากัน ผมเลยนำไปเก็บไว้ที่โถเล็ก หลังจากนั้นพระธาตุเสด็จมาทุกวัน ผมเลยแยกใส่โถเล็กๆไว้ ประมาณ 300 โถ ตอนนั้นก็ยังแยกไม่ออกว่าองค์ไหนคือ พระพุทธเจ้า หรือ พระอรหันต์

หลังจากนั้น ภรรยาของผม ที่มีญาณทิพย์ เห็นพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ เสด็จมาเต็มห้อง และมาบอกว่า พระธาตุโถนี้เป็นของใคร

จนสามารถแยกได้ว่า โถไหนคือ พระบรมสารีริกธาตุ และ พระธาตุ หากท่านจะเสด็จมาโดยปาฏิหาริย์ ก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นเองในโถนั้นๆ ผมไม่เคยนับเลยว่ามีเยอะขนาดไหน

ตลอดระยะเวลา 40 ปี พระธาตุ เสด็จมาโดยปาฏิหาริย์อยู่ตลอด และผมได้มอบให้กับผู้มีศรัทธา นำไปไปประดิษฐานทั่วโลก ใครมาขอให้ฟรี ไม่เคยเก็บเงินสักบาท

ตอนนี้ ผมได้มอบพระธาตุ นำไปประดิษฐานที่ พระพุทธรูป 5,000 องค์ และได้มอบนำไปประดิษฐานที่เจดีย์อีก 3,000 องค์ รวมทั้งหมด 8,000 กว่าองค์

ก่อนหน้านี้ เคยมีคนนำพระธาตุไปตรวจ ผลปรากฏว่า เป็นกระดูกคน

อากงทองดี ยังบอกอีกว่า ผมไม่ได้เป็นผู้วิเศษ แต่ผม มีความศรัทธาในพระพุทธองค์ และทำตามสัจจะที่ได้อธิษฐานเอาไว้ ที่จะดูแลพระบรมสารีริกธาตุ และ พระธาตุ ให้อยู่ในที่เหมาะสม

และผมยังได้รับความเมตตา จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา-สังฆปริณายก องค์ที่ 19 ตั้งแต่ครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ เป็นสมเด็จพระญาณสังวร ท่านทรงประทานพระธาตุ ให้แก่ผู้ที่มีจิตศรัทธา ที่ต้องการนำไปบรรจุในเจดีย์และพระพุทธปฏิมา โดยท่านทรงเมตตาให้ผมนำพระธาตุ ไปร่วมบรรจุด้วยทุกครั้ง ซึ่งความเมตตาทำให้ผมทำตามสัจจะที่อธิษฐานเอาไว้ จนถึงทุกวันนี้

ต่อมาในปี 2545 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ บอกให้ผมจัดพิมพ์หนังสือ เพื่อประมวลพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ เพื่อเผยแพร่เป็นความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับพระธาตุให้แก่ชาวพุทธและผู้ที่สนใจ ซึ่งผมได้พิมพ์หนังสือครั้งแรก เมื่อปี 2546

ซึ่งทาง อากงทองดี ก็ได้เมตตา มอบพระบรมสารีริกธาตุ 22 องค์ ให้อีจัน นำไปบรรจุบนเศียรพระ ที่อีจัน เพื่อนๆ คณะลูกศิษย์หลวงปู่เสถียร คุณวโร ร่วมกันสร้างพระพุทธรูป 2 องค์ มีขนาด 49 นิ้ว และ 29 นิ้ว ประดิษฐานที่ วัดถ้ำพระภูวัว อ.เซกา จ.บึงกาฬ เพื่อความเป็นสิริมงคล กับผู้ที่มีความศรัทธาเลื่อมใส ในพุทธศาสนา

โดยวันที่ 1 มิ.ย. 67 จะมีพิธียกประดิษฐาน พระพุทธรูปทั้ง 2 องค์ เพื่อเป็นพุทธบูชากับวัด และผู้ที่สักการะบูชา

อีจัน ขออนุโมทนาบุญ กับอากงทองดี ด้วยนะคะ