ทบ. ขอเวลาพิสูจน์ทุ่นระเบิด หากเป็นระเบิดใหม่พร้อมตอบโต้ทันที 

ลุ้นพิสูจน์! ทบ.ขอเวลาตรวจสอบทุ่นระเบิด 2-3 วัน หากพบเป็นระเบิดใหม่ ถือว่า ละเมิด”อนุสัญญาออตตาวา”พร้อมกำหนดท่าทีการตอบโต้ทันที

ลุ้นผลพิสูจน์!  

จากกรณีที่มีเหตุความไม่สงบบริเวณชายแดน กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และทุกนายในตอนนี้อาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันเอง แม่ทัพภาค 2 ได้ลงมาเยี่ยมทหารที่ประสบเหตุด้วยตัวเองอีกด้วย

ล่าสุดวันนี้(18 ก.ค.68) เว็บไซต์ รัฐบาลไทย โดย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้รับรายงานการประชุม ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับ ทหารออกลาดตระเวนเหยียบทุ่นระเบิดดังกล่าวว่า ขณะนี้กองทัพบกได้ส่งหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม (นปท.) เข้าพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานและดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2–3 วัน เพื่อพิสูจน์ชนิดของทุ่นระเบิดและช่วงเวลาที่ถูกนำมาติดตั้งว่า เป็นของเดิมหรือเพิ่งวางขึ้นใหม่ หากพบว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางใหม่ จะถือเป็นการละเมิดต่อ “อนุสัญญาออตตาวา” ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาเป็นภาคีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ รัฐฯขอยืนยันว่า หากพบว่าเป็นการกระทำใหม่จะไม่เพิกเฉย และหากมีการลุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทย จะดำเนินการตอบโต้ที่ชัดเจนและจะดำเนินการตามข้อเท็จจริงโดยยึดหลักสากล เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดท่าทีของไทยต่อไป 

ส่วนการลงพื้นที่ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี โดยกำลังพลทั้ง 3 นายมีขวัญและกำลังใจดี และขณะนี้ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคณะแพทย์ของโรงพยาบาล ซึ่งการรักษาเป็นไปตามมาตรฐานและทันท่วงทีจนอาการของทั้ง 3 นายอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว ซึ่งกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณข้อเท้าซ้าย กองทัพมีมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งทางการแพทย์และการดูแลเรื่องสวัสดิการและอื่นๆ โดยจะได้รับการเลื่อนยศหลังจากรักษาตัว และรับเงินบำเหน็จรายเดือน 15,600 บาท และเมื่อรวมกับเงินจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ คาดว่าจะได้รับเงินเงินเดือน กว่า 3 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังจะได้รับเงินสนับสนุนต่างๆ จากหลายหน่วยงานกว่า 1 ล้านบาท และได้ให้พิจารณาบรรจุทายาทเข้ารับราชการทดแทนในกรณีพิเศษ รวมถึงมอบเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภท 1 และบัตรทหารผ่านศึกชั้นที่ 3 ซึ่งสามารถใช้เป็นสิทธิพิเศษต่างๆตลอดชีวิต 

ที่มา: เว็บไซต์รัฐบาลไทย 

https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/98532