ทนายเจมส์จัดแน่! ญาติโดนหลอกหัวปักหัวปำ จนหลงเซ็นรับสภาพหนี้ 4 ล้าน

เดินเครื่องเต็มที่! ญาติทนายเจมส์ โดนหลอกหัวปักหัวปำ ให้ลงทุนซ้ำซ้อน ลูก-หลาน เตือนไม่ฟัง สูญเงินเกือบ 4 แสน หนำซ้ำหลอกให้เซ็นรับสภาพหนี้อีก 4 ล้าน

เรื่องนี้ ทนายเจมส์ เดินเครื่องเต็มที่ เพราะผู้เสียหายเป็นญาติของตัวเอง พร้อมฝากเตือนประชาชน ตอนนี้มีมิจฉาชีพ คิดวิธีการหลอกเหยื่ออันซับซ้อนหลายชั้น จนเหยื่อหลงเชื่อ มีผู้เสียหายหลายราย ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณ

สืบเนื่องมาจาก ทนายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ได้เปิดเผยกับทีมข่าวอีจัน ว่า ญาติ ชื่อแอน (นามสมมุติ) มาขอความช่วยเหลือ เพราะแม่ของคุณแอน ซึ่งเป็นป้าของทนายเจมส์ โดนหลอกจนหัวปักหัวปำ เสียเงินไปเกือบ 4 แสนบาท แถมมิจฉาชีพยัดเยียด ให้เป็นหนี้อีก 4 ล้านบาท พร้อมนำหลักฐานสลิปโอนเงินและคลิปวีดิโอ มาแสดงด้วย

เรื่องมีอยู่ว่า แม่ของคุณแอน เป็นข้าราชการครูเกษียณ อายุ 68 ปี เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว มีเพื่อนของคุณแม่ แนะนำให้รู้จักกับ นายไพบูลย์ หรือ หมอง ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของบริษัทผลิตไฟฟ้าด้วยโซล่าเซลล์ขายให้กับรัฐบาล โดย นายหมอง ชักชวนให้แม่ของคุณแอน ไปเป็นพนักงานของบริษัทตำแหน่งช่างสำรวจพื้นที่ โดยเสนอเงินเดือนให้ 15,000 บาท/เดือน แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา 6 เดือน แม่ไม่ได้รับเงินเดือนเลยแม้แต่บาทเดียว

อีกทั้ง ยังหลอกให้เอาเงินเก็บที่มีไปร่วมลงทุนซื้อที่ โดย นายหมอง อ้างว่า จะต้องใช้เงินก้อนกว้านซื้อที่ดิน สปก. 4-01 ของชาวบ้าน เพื่อรวมเป็นแปลงใหญ่ โดยจะซื้อจากชาวบ้านในราคาถูก เพื่อไปขายต่อให้กับรัฐบาลในราคาที่สูงกว่าและจะแบ่งกำไรส่วนต่างให้แม่ของคุณแอน

นายหมอง ยังบอกอีกว่า หลังจากนั้นจะเอาเงินบางส่วนไปเช่าที่ดินแปลงเดิมที่ขายให้กับรัฐบาลไป เพื่อเอาพื้นที่นั้นมาผลิตไฟฟ้าด้วยโซล่าเซลล์ และเพื่อผลิตไฟฟ้าขายให้รัฐบาล ซึ่งแม่ของคุณแอน ก็จะได้เงินส่วนแบ่งส่วนนี้ด้วยเช่นกัน โดยตลอดระยะเวลา นายหมอง ก็จะพาลงพื้นที่ เสมือนทุกอย่างมีอยู่จริง แต่สุดท้ายที่ นายหมอง อ้างทั้งหมด ไม่เคยมีการซื้อที่จริง และไม่เคยมีการผลิตไฟฟ้าใดๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญที่ดิน สปก. 4-01 ไม่สามารถซื้อขายได้

กระบวนการหลอกยังไม่จบเท่านี้ นายหมอง อ้างอีกว่า ที่ดินที่จะซื้อห่างไกลทุรกันดาร เดินทางลำบากต้องเดินทางด้วยรถกระบะ ซึ่งแม่ของคุณแอน มีแต่รถเก๋ง ไม่สามารถใช้การได้ นายหมอง จึงสั่งให้คุณแม่ของคุณแอน ซื้อรถกระบะ ด้วยการโอนมัดจำบวกกับค่าประกันภัยชั้น 1 คันละ 30,000 บาท ให้กับนายหมอง ซึ่งรถที่ซื้อจะซื้อในนามบริษัทของนายหมอง และเมื่อครบ 5 ปี ถึงจะโอนมาเป็นชื่อของผู้ซื้อคือ แม่ของคุณแอน จนป่านนี้ ยังไม่ได้รถ เลื่อนไปไม่มีกำหนด

ต่อมาคุณแอน ได้ไปตรวจสอบว่าบริษัทมีตัวตนจริงหรือไม่และมีการมัดจำจองรถจริงหรือไม่

ปรากฏว่า บริษัทนี้ไม่มีการจดจัดตั้งบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแต่อย่างใด และ เมื่อคุณแอน สอบถามผ่านไลน์ไปที่เซลล์โชว์รูมรถ (ฟอร์ด) ในพื้นที่ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ปรากฏว่า เซลล์คนดังกล่าวที่มีชื่ออยู่ในใบจองรถ ลาออกไปประกอบธุรกิจของตัวเองเกือบ 2 ปีแล้ว และใบจองรถดังกล่าว เป็นแค่ใบเสนอราคาไม่ใช่ใบจองรถ แถมมีการแก้ไขข้อมูลบางส่วนในใบเสนอราคาด้วย โดยเซลล์คนดังกล่าว บอกว่า มีคนตกเป็นเหยื่อหลายคนและได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ชัยบาดาล แต่ก็ยังมีคนโดนหลอกอีก

นอกจากนี้คุณแอน ยังให้ทีมข่าวอีจัน ดูหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงินจากบัญชีของแม่ไปเข้าบัญชีของนายหมอง มูลค่ารวมกว่า 3 แสนบาท

ยังมีอีก นายหมอง อ้างว่า เนื่องจากแม่คุณแอน เป็นหนี้สหกรณ์ หนี้ธนาคาร หนี้รถ นายหมอง จึงเสนอจะรวมหนี้ให้ และจะจ่ายหนี้ให้ก่อน เป็นเงิน 4 ล้านบาท สุดท้ายแม่คุณแอน ก็หลงไปเซ็นยอมรับสภาพหนี้ยอมรับว่า รับเงินสดจากนายหมองมาแล้ว 4 ล้านบาท ทั้งที่จริงๆ ไม่ได้เงินสักบาท

ซึ่งปัจจุบัน คุณแอน ทุกข์ใจมาก เพราะแม่หลงเชื่อนายหมองหัวปักหัวปำ ลูก 3 คน เตือนก็ไม่เชื่อ แถมตอนนี้ยังตีตัวออกห่างจากลูกๆ ไม่รับโทรศัพท์ ปกปิดความจริง ยิ่งตอนนี้ยิ่งเป็นห่วง กลัวว่าแม่จะเสียเงินมากกว่านี้

เพราะลูก 3 คน มาทำงานกรุงเทพฯ แม่อยู่บ้านคนเดียวที่ จ.สิงห์บุรี ส่วน นายหมอง อยู่ที่ จ.ลพบุรี โดยจะเรียกแม่ไปประชุมที่ลพบุรีเดือนละ 3-4 ครั้ง เรื่องทั้งหมดที่เกิดกับครอบครัว คุณแอน จึงเอาเรื่องนี้มาร้อง ทนายเจมส์และร้องสื่อ เพื่อเตือนภัยไปยังผู้อื่นไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออีก

ทีมข่าวอีจันมีโอกาสได้คุยกับทนายเจมส์ โดยทนายเจมส์เล่าให้ฟังอีกว่า คนที่มาร้องกับผมก็คือญาติของผมเอง และคนที่โดนหลอกก็คือป้าของผม ซึ่งตอนแรกที่ข่าวออกไปนั้น ได้มีทนายคนหนึ่งส่งหนังสือโนติส มาถึงผม กรณีที่ผมไปพูดออกรายการ รายการหนึ่ง ว่าไม่เป็นเรื่องจริง

ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา จึงได้ทำหนังสือขอชี้แจงข้อเท็จจริง และ ขอสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม กลับไปยังทนายดังกล่าว และในวันพรุ่งนี้จะออกหนังสือ 7 ฉบับ เพื่อขอข้อเท็จจริงไปยังหน่วยงานต่างๆ ตามที่ นายไพบูลย์ อ้าง

ทนายเจมส์ ยังกล่าวอีกว่า หากประชาชนท่านใด โดนพฤติกรรมแบบนี้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือไปที่ทนายเจมส์เพื่อรวบรวมผู้เสียหายดำเนินคดี ตอนนี้ผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี และ จ.สระบุรี

เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไปครับ

คลิปอีจันแนะนำ
“โอนลอย” รู้ให้จริง ไม่เสี่ยงคุก