พ่อแม่ จุ๋ม นุสรา อดีตนางงาม-นักแสดง ขอความเป็นธรรม เสียลูกสาวจากอุบัติเหตุ ฮ.ตก

ยังรอ กรมธรรม์ประกันภัย พ่อแม่ จุ๋ม นุสรา อดีตนางงาม-นักแสดง ขอความเป็นธรรม เสียลูกสาวจากอุบัติเหตุ ฮ.ตก

2 ปี 6 เดือน กับการรอคอย กรมธรรม์ประกันภัย ของ “ จุ๋ม นุสรา ”

วีรโรจน์ สุขหน้าไม้ – สำเริง สุขหน้าไม้ พ่อและแม่ของจุ๋ม เล่าว่า ครอบครัวรู้สึกได้ถึงความ ไม่เป็นธรรม ทำให้ตัดสินใจปรึกษาทนายความฟ้องร้องบริษัทนายจ้าง ที่เขาส่งตัวแทนมาคุยกี่ครั้ง ก็ยังมีเงื่อนไขให้ต้องสละสิทธิ์ต่างๆเกี่ยวกับ กรมธรรม์ประกันภัย

นายพินิจ ลักษณวิศิษฎ์ ทนายความของครอบครัว จุ๋ม นุสรา กล่าวถึงเรื่องคดีฟ้องร้องบริษัทนายจ้าง ว่า ที่ผ่านมาครอบครัวพยายามเรียกร้องเงินชดเชยเยียวยาในฐานะพนักงานบริษัทมาตลอด แต่ทางบริษัทนายจ้างก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา แม้จะมีการเสนองานช่วยเหลือมาให้แต่การจะรับเงินนั้นได้ ครอบครัวต้องเซ็นสละสิทธิ์ต่างๆที่จะได้จาก กรมธรรม์ประกันภัย ของอุบัติเหตุ ฮ.ตก ซึ่งดูแล้วมันไม่ถูกต้อง ยิ่งได้อ่านเนื้อหาของเอกสารที่ตัวแทนฝ่ายกฎหมายของเขาเอามายื่นให้พ่อของคุณจุ๋มเซ็น ก็ทำมาเป็นภาษาอังกฤษ แล้วพ่อแม่เขาจะอ่านรู้เรื่องได้ยังไง อันนั้นมันทำให้คิดได้ว่าเขาพยายามปกปิดอะไรหรือเปล่า พอเราไม่เซ็นและขอดำเนินการเรื่อง กรมธรรม์ประกันภัย ของคุณจุ๋มเอง เขากลับบอกว่าให้เราไปต่อเอาเองแล้วกัน พอเราถามเรื่องเลขกรมธรรม์ ขอข้อมูลกรมธรรม์ เขาก็บอกว่าไม่มี มันอยู่บนเครื่อง ไฟไหม้ไปหมดแล้ว ซึ่งความเป็นจริงมันไม่ใช่ สำเนาอย่างน้อยก็ต้องมีการถ่ายคู่ฉบับเก็บไว้หลายที่

ครอบครัวตัดสินใจฟ้องร้องบริษัทนายจ้าง!

นายพินิจ ลักษณวิศิษฎ์ ทนายความของครอบครัว จุ๋ม นุสรา ระบุถึงเหตุที่ครอบครัวฟ้องร้องบริษัทนายจ้าง ว่า เหตุ ฮ.ตก สำนักงานการบินภาคพื้นของยุโรป ตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ฮ.ตก มันเป็นความขัดข้องของส่วนใบพัดหางที่ว่าใช้การไม่ได้ ในทางกฎหมายอันนี้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุ เมื่อสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุมันก็จะมีเกี่ยวกับเรื่องความรับผิดชอบของผู้เป็นเจ้าของเฮลิคอปเตอร์หรือผู้ครอบครอง ผู้ดูแลเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ ซึ่งในทางกฎหมายเมืองไทยก็จะมีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติเกี่ยวกับความรับผิดชอบเอาไว้ว่า ผู้ใดที่ครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องจักรกล ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถยนต์ เรือยนต์ เฮลิคอปเตอร์ หรือเครื่องบินอะไรต่างๆ ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เจ้าของก็ดี ผู้ครอบครองก็ดี หรือผู้ควบคุมการขับขี่ยานพาหนะคันนั้นหรือลำนั้นจะต้องรับผิดชอบ ในเรื่องความเสียหายทางด้านละเมิดกับผู้ที่ได้รับความเสียหาย ก็คือผู้โดยสาร ซึ่งเคสของคุณจุ๋มอยูในเรื่องนี้

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมเราต้องฟ้องร้อง เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ ครอบครัวของคุณจุ๋มได้ไปขอพูดคุยกับกรรมการบริษัทในฐานะนายจ้าง ว่าลูกสาวได้เดินทางไปทำงานกับทางบริษัท หลังเกิดเหตุจะช่วยเยียวยายังไง เพราะทางบริษัทเขาเพิกเฉย ตั้งแต่ที่คุณจุ๋มเสียชีวิต เงินที่ควรจะได้รับเยียวยาในฐานะเป็นพนักงานบริษัทอย่างเป็นทางการไม่มีเลย เพียงแต่มีการช่วยเหลือเป็นเงินใส่ซองปัจจัยถวายพระในงานศพ 5 วันเท่านั้น ครอบครัวจึงฟ้องร้องตามข้อเท็จจริงตามหลักกฎหมายไป ก็คือฟ้องบริษัทนายจ้างและกองมรดกของนายจ้าง ให้ร่วมกันรับผิดชดใช้ เป็นเงินจำนวน 300 ล้านบาท

ครอบครัวเชื่อว่าจะต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยแน่ๆ ซึ่งก็ได้ขอชื่อบริษัทประกัน ขอเลขกรมธรรม์ ประเภทกรมธรรม์ วงเงินของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องว่ามีเท่าไหร่ยังไง ถามเฉพาะในส่วนของเราเท่านั้น ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ เราจึงเรียกร้องไปถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น สำนักงานกองทุนเงินทดแทน ในฐานะว่าคุณจุ๋มเป็นพนักงานของบริษัทได้เรียกร้องไปแล้วแต่ทางบริษัทเพิกเฉย ปรากฏว่าประกันสังคมและสำนักงานกองทุนเงินทดแทน ได้เรียกตัวแทนฝ่ายบริษัทนายจ้างไปสอบข้อเท็จจริง ซึ่งทางนั้นเขาก็ให้คำตอบว่า คุณจุ๋มไปเที่ยว ไปโดยส่วนตัว ไม่ได้ไปทำงานของบริษัท แต่เราก็พยายามหาพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าคุณจุ๋มเป็นพนักงานบริษัท มีตำแหน่งหน้าที่ มีการได้รับเงินเดือนจากบริษัท ซึ่งก็ได้ยื่นอุทธรณ์ตารางการทำงานก่อนที่จะได้บินไปต่างประเทศแต่ละครั้ง พร้อมทั้งหนังสือรับรองเงินเดือนและตำแหน่งงานไป สำนักงานกองทุนเงินทดแทนจึงได้จ่ายเงินเยียวยาบางส่วนให้กับพ่อและแม่ และนี่เป็นการเยียวยาเพียงอย่างเดียวที่ครอบครัวได้รับ ซึ่งก็คือเงินที่คุณจุ๋มหักจ่ายประกันสังคมทุกเดือนอยู่แล้ว มันเป็นเงินที่ทายาทพึงได้อยู่แล้ว

ในตอนนี้ที่ครอบครัวต้องการ คืออยากจบเรื่องราวคดีความทุกอย่างให้เร็วที่สุด เพราะคุณจุ๋มก็จากไปแล้ว สิ่งที่ต้องการตอนนี้คืออยากรู้ว่า กรมธรรม์ประกันภัย ของลูกมีสิทธิ์เยียวยาอะไรยังไงบ้าง ขอแค่ได้เยียวยาตามสิทธิ์ของ กรมธรรม์ประกันภัย เท่านั้นพอ

แล้วเรื่อง กรมธรรม์ประกันภัย ของ จุ๋ม ใครรู้ดี? หรือใครมีความรู้เรื่องประกันภัยต่างประเทศ โปรดช่วยครอบครัวเธอด้วย…