อุตุฯ เตือน หน้าร้อนปีนี้อบอ้าว พีคสุด 44.5 องศา ระอุกว่าปีก่อน

ร้อนดั่งเพลิง! กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน หน้าร้อนปีนี้อบอ้าว พีคสุด 44.5 องศา ระอุกว่าปีก่อน หวังฝนกลบร้อนบางช่วง

‘กรมอุตุนิยมวิทยา’ คาดการณ์ฤดูร้อนของไทยปี 2567 ว่า ประเทศไทยต้องเตรียมตัวสำหรับฤดูร้อนที่จะเริ่มล่าช้ากว่าปกติ 1-2 สัปดาห์ โดยจะเริ่มในช่วงต้นสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน ก.พ.67 และสิ้นสุดในช่วงปลายเดือน พ.ค.67 อากาศร้อนอบอ้าวจะปกคลุมทั่วประเทศ โดยมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 43.0-44.5 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ สูงกว่าค่าปกติและสูงกว่าปีก่อน แต่จะมีฝนฟ้าคะนองช่วยบรรเทาความร้อนในบางช่วง

ฤดูร้อนนี้ยังเผชิญกับความท้าทายจากพายุฤดูร้อน ซึ่งอาจนำมาซึ่งฝนฟ้าคะนอง ลมแรง และลูกเห็บในบางแห่ง สถานการณ์นี้อาจส่งผลเสียหายทั้งทางชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร ปริมาณฝนที่ตกยังคงไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของหลายพื้นที่ ทำให้การใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิผลกลายเป็นสิ่งสำคัญ

พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยจะยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขณะที่บริเวณอื่นๆ ประสบกับอากาศร้อนในตอนกลางวัน และหมอกหนา ลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมใต้จะพัดพาความชื้นจากทะเลอ่าวไทยเข้าสู่ประเทศ ทำให้เกิดอากาศร้อนอบอ้าวและฝนฟ้าคะนองในบางช่วง สำหรับภาคใต้ ฝนฟ้าคะนองจะปกคลุมประมาณ 20-30% ของพื้นที่จนถึงเดือนเม.ย.67 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 60-80% ในภาคใต้เฝ้าตะวันตก ทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะพบกับคลื่นสูง โดยคลื่นในทะเลอันดามันอาจสูงถึง 2-3 เมตรในบางช่วง

อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ค่าไฟฟ้าก็มักจะเพิ่มขึ้นตาม เนื่องจากการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะการใช้เครื่องปรับอากาศ ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ประกอบกับที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 มีมติเห็นชอบเอฟทีขายปลีก เรียกสำหรับงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.67 จำนวน 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ตามสูตรการคำนวณเอฟที ส่งผลให้ค่าไฟฟ้า เป็น 4.18 บาทต่อหน่วย ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 อัตราค่าไฟทั่วไป ไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย

การประหยัดไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นี่คือเทคนิคต่างๆที่สามารถทำได้:

  1. ใช้พัดลมแทนเครื่องปรับอากาศ: พัดลมใช้ไฟน้อยกว่าเครื่องปรับอากาศมาก หากอากาศไม่ร้อนจนเกินไป การใช้พัดลมอาจเป็นทางเลือกที่ดี
  2. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม: การตั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้นเพียงไม่กี่องศาสามารถลดการใช้พลังงานได้โดยไม่ทำให้รู้สึกไม่สบาย
  3. ใช้ม่านหรือบังตาเพื่อบล็อกแสงแดด: แสงแดดที่เข้ามาในบ้านสามารถเพิ่มความร้อนได้ การใช้ม่านหรือบังตาสามารถช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้
  4. ปิดไฟและอุปกรณ์ที่ไม่ใช้งาน: อุปกรณ์ที่ทำงานอยู่แม้ไม่ได้ใช้งานก็สามารถสร้างความร้อนและใช้ไฟฟ้าได้ จึงควรปิดเมื่อไม่ใช้งาน
  5. ใช้หลอดไฟที่ประหยัดพลังงาน: หลอดไฟ LED หรือหลอดไฟประหยัดพลังงานใช้ไฟน้อยกว่าและไม่ผลิตความร้อนมากเท่าหลอดไฟธรรมดา
  6. ตรวจสอบฉนวนและการรั่วไหลของอากาศ: การมีฉนวนที่ดีและการปิดช่องทางที่อากาศสามารถรั่วไหลเข้าหรือออกจากบ้านสามารถช่วยรักษาอุณหภูมิภายในบ้านให้คงที่
  7. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง: เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการประหยัดพลังงาน เช่น เครื่องซักผ้า, เครื่องล้างจาน, และตู้เย็นที่มีป้าย Energy Star
  8. ปรับเวลาการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานมากในช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงที่สุดของวัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: