ครม.เศรษฐา ห้ามรมว.-ข้าราชการ ให้ข่าวสื่อมวลชน ใครฝ่าฝืนปลด-ไล่ออก

หวั่นกระทบผลประโยชน์ของรัฐ ‘ครม.เศรษฐา’ ออกกฎห้ามรัฐมนตรี-ข้าราชการ ให้ข่าวสื่อมวลชน เว้นแต่ผู้ได้รับมอบหมาย-โฆษกรัฐบาล ใครฝ่าฝืนปลดออก ไล่ออก

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2566 ได้มติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ครม.และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้

1.ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2542 (เรื่องการปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการรักษาความลับของทางราชการ และการให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน) วันที่ 11 พ.ค.2547 (เรื่องการรักษาความลับของทางราชการ) และวันที่ 22 พ.ย.2554 (เรื่องการรักษาความลับในการประชุมคณะรัฐมนตรี)

2.แนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีและการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน โดยให้รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้

– ให้รักษาความลับหรือเอกสารของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ ลับที่สุด สันมาก และลับ ตามชั้นความลับที่ใด้กำหนดไว้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ.2552 ซึ่งหากความลับดังกล่าวทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน รั่วไหลไปถึงบุคคลผู้ไม่มีหน้าที่ใด้ทราบ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งรัฐ

ทั้งนี้ กรณีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้เปิดเผยข้อมูลตังกล่าวตามเงื่อนไขที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนดตามนัยมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2550

– การพิจารณาหารือหรืออภิปรายของคณะรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ถือเป็นความลับของทางราชการ ดังนั้น รัฐมนตรี ผู้เข้าร่วมการประชุม และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี พึงระมัดระวังและไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

– ในการจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรึ หากหน่วยงานเจ้าของเรื่องเห็นว่าเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ประโยชน์สาธารณะ หรือประโยชน์ของประเทศชาติ

หากถูกนำไปเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของชาติอย่างร้ายแรง ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องระบุไว้ในหนังสือนำส่งเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงอย่างไร

หรือหากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่เข้าลักษณะดังกล่าว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยจะแจกเอกสารระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในระบบเรียกดูระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยเครื่องแท็บเล็ต (M-VARA) และหลังจากคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเสร็จจะถอนเรื่องออกจากระบบ M-VARA ทันที

-ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดูแล และระมัดระวังมิให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรี เปิดเผยเอกสารดังกล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี

– กรณีมีผู้นำเอกสารหรือข้อความซึ่งเป็นความลับของทางรายการไปผยแพร่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ หรือเกิดผลกระพบต่อความมั่นคงของรัฐ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่ได้รับความเสียหายพิจารณาตำเนินการตามกฎหมาย เช่น กรณีข้าราชการพลเรือนผ่าฝืนข้อปฏิบัติตามมาตรา 82(6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551

ซึ่งบัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ ต้องรักษาความลับของทางราชการ โดยหากฝ่าฝืน ข้าราชการพลเรือนผู้นั้นถือเป็นผู้กระทำผิดวินัย ตามมาตรา 84 และหากการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง กรณีจะถือว่าข้าราชการพลเรือนผู้นั้น กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 85 (7)

ทั้งนี้ จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามมาตรา 97 กล่าวคือ ให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี อนึ่ง ตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการเมือง พศ. 2564 ได้วางหลักเกณฑ์ในการประพฤดิปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมในเรื่องการรักษาความลับของทางราชการไว้เช่นเดียวกันตามข้อ 7 (3)

กล่าวคือ ข้าราชการการเมืองต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ โดยอย่างน้อยต้องไม่นำข้อมูลข่าวสารอันเป็นความลับของทางราชการ ซึ่งตนได้มาในระหว่างอยู่ในตำแหน่งไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เอกชนทั้งในระหว่างการดำรงตำแหน่งและเมื่อพ้นจากตำแหน่งและข้อ 8 (5) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องรักษาความลับของราชการ เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย

– เรื่องใดที่มีผลกระทบต่อประชาชนหรือประเทศชาติโดยส่วนรวม เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่รับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักชี้แจงต่อสาธารณชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเพิ่มเติมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กรณีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ หรืออนุมัติตามมติของคณะกรรมการต่างๆ แล้ว ให้ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย จากคณะกรรมการชี้แจงในทำนองเดียวกันด้วย

– ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐนตรีมีหน้าที่แะอำนาจให้ข่าวสาวเกี่ยวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี มติคณะรัฐมนตรี การดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือกระทรวง กรม ตลอดจนชี้แจงต่อสาธารณชนเมื่อปรากฏว่า มีการเสนอข่าวคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงหรือไม่ถูกต้องครบถ้วน อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคลากรหรือรัฐบาล หรือการปฏิบัติผิดพลาดได้ ทั้งนี้ อาจขอให้โฆษกกระทรวงเป็นผู้แถลงข่าว หรือออกคำชี้แจงเอง หรือร่วมกันแถลงข่าว หรือชี้แจงด้วยก็ได้