เรืองไกร ยื่น กกต. สอบ “อุ๊งอิ๊ง” เซ่นคลิปเสียงฮุนเซน

เรืองไกร ยื่น กกต. ฟัน “อุ๊งอิ๊ง” ปมคลิปเสียงฮุนเซน เข้าข่ายพ้นเก้าอี้นายกฯ หรือไม่ ชี้ ภท.ชิ่ง ทำนายกฯ อยู่ยาก

หลังจากกรณีคลิปเสียงสุดฉาว ระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร สนทนากับ สมเด็จฮุนเซน ผู้นำแห่งกัมพูชา ซึ่งเป็นการเจรจาข้อตกลงปมพิพาทชายแดน โดยมีการกล่าวพาดพิงถึงกองทัพภาคที่ 2 อ้างไม่ใช่พวกเดียวกับเรา ทำให้กระแสสังคมพุ่งโจมตีรัฐบาลอย่างหนัก

วันนี้ (19 มิ.ย. 68) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อตรวจสอบกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา

นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้มายื่นร้อง กกต. ให้ตรวจสอบนายกฯ เรื่องคลิปเสียงที่พูดคุยกับฮุนเซน ว่าจะเข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา นายกฯ ก็ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงตัวเองจริง ที่มีการพูดถึงเจ้าหน้าที่ของเรา และจากการพูดคุยที่เอ่ยว่าเจ้าหน้าที่เราเป็นฝ่ายตรงข้าม ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่านายกฯ เป็นพวกใคร

ส่วนคำขอให้เปิดด่านควรจะต้องรอฟังฝ่ายความมั่นคง นายเรืองไกร กล่าวว่า นายกฯ ไม่มีหน้าที่ไปรับปากเอง มองว่าไม่ควรตกลงกันเองเพียงไม่กี่คน ตนจึงนำหลักฐานเป็นข้อความต่าง ๆ ที่สื่อถอดออกมา นำมาให้ กกต. พิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงแทบจะได้ความอยู่แล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่ดุลยพินิจของ กกต. ที่จะพิจารณาได้เร็วแค่ไหน 

ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก หรือยุบสภานั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า สิ่งที่สังคมประชาชนรับรู้ คือความรู้ความสามารถของนายกฯ ที่ควรพิจารณาตัวเองยังไง อยู่ที่นายกฯ ว่าจะยังไปไหวไหม มีหลายคนที่เรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯ ซึ่งหากไม่ไหวก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ไม่ยุบสภาก็ลาออก ให้คนใหม่ที่เหมาะสมมาทำหน้าที่แทน หากมั่นใจให้ประชาชนตัดสินก็ต้องยุบ แต่ถ้าไปไม่ไหวแล้วสภาไม่มีความผิดอะไรก็จะต้องลาออก 

หากนายกรัฐมนตรี ยังมองว่าตัวเองอยู่ได้ จะเกิดการปฏิวัติหรือไม่นั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า โดยกฎหมายไม่ควรจะเกิดขึ้น ดังนั้น นายกฯ ควรพิจารณาตัวเองดีที่สุด เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ต่อความมั่นคงอย่างมาก 

ส่วนข้ออ้างว่าการคุยครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการสู้รบ นายเรืองไกร กล่าวว่า ฟังไม่ขึ้น เป็นการโทรศัพท์คุยลับ ๆ พอข่าวรั่วถึงออกมาพูด ซึ่งการคุยทวิภาคีควรเปิดเผยและฝ่ายความมั่นคงต้องทราบ การพูดว่าแม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่พวกเรา คำว่าพวกเราคือใคร ฝ่ายคนไทยไม่ใช่พวกท่านหรอ มองว่าการพูดต้องคิด  

ส่วนที่ฮุนเซนปล่อยคลิปเสียง เพื่อต้องการอะไรนั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นเรื่องที่เราเสียเปรียบเขา อาจจะหวังผลการเมืองภายในประเทศ และถึงแม้จะมีความสนิทกันก็ไม่เป็นไร แต่หากสนิทกันแล้วจะมาเอาทรัพยากรไม่ได้ ควรให้ทุกส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง จะไปตกลงกันเพียงคนไม่กี่คนไม่ได้ 

ทั้งนี้ นายเรืองไกร กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางด้านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ยืนยันว่าจะไม่ร่วมรัฐบาล ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสว่าจะมีการดึงที่เหลือไปร่วมด้วย ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็ชัดเจน ด้วยการแถลงออกจากพรรคร่วม ซึ่งเดิมทีจะไม่คืนเก้าอี้มหาดไทย แต่ก็นำเรื่องคลิปเสียงมาแถลงด้วย โดยส่วนตัวตนมองว่า เมื่อภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมแล้ว รัฐบาลก็จะเหนื่อย