
วันนี้ (30 มิ.ย. 68) นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงการณ์ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในเรื่องแรกคือ เรื่องหลักการ “รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ” เป็นหลักการในการยึดถือปฏิบัติการทำงานของ ศบ.ทก. อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ผ่านเห็นได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามมีการวางแผนซับซ้อน เป้าหมายลึกซึ้ง เริ่มจากสร้างสถานการณ์ให้มีความตึงเครียดในพื้นที่ และขยายผลให้มีการผลกระทบทางการเมือง สร้างความแตกแยกในสังคมไทย และทำให้ขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย ซึ่ง ศบ.ทก. ออกแนวคิดในการดำเนินการ คลี่คลายสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวม 5 ประการ คือ
1.ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มุ่งคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว ซึ่งให้ความสำคัญ ความปลอดถัย ความเป็นอยู่ และความสงบสุขของพี่น้องตามแนวชายแดน และดำเนินการทุกเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
2. ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชน ซึ่งมาตรการทุกขั้นตอนจะไม่บั่นทอนการเข้าถึงสิ่งที่จำเป็น รวมถึงความผูกพันของ 2 ประเทศ
3. บูรณาการปราบปรามขบวนอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเป็นระบบ ซึ่งไทยได้ร่วมมือกับ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และนานาชาติ ในการปราบปรามขบวนการที่เกี่ยวข้อ ไม่ว่าจะเป็น Call Center, การฟอกเงิน, การค้ามนุษย์ และยาเสพติด
4. ทุกมาตรการผ่านการกลั่นกรองรอบด้าน โดย ศบ.ทก.
5. ยึดหลักสันติวิธี และหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง โดยไทยจะไม่เริ่มเป็นฝ่ายใช้กำลังติดอาวุธ ไม่ตอบโต้แบบยั่วยุ จะดำเนินการปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งมีเป้าหมายคือการเจรจาแบบทวิภาคี

ในประเด็นข้อมูลที่กล่าวหาฝ่ายไทยปิดด่านเข้า-ออก พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ฝ่ายไทยไม่มีนโยบายปิดด่านแต่อย่างใด ที่ผ่านมาเป้นการควบคุมด่านต่าง ๆ ที่เข้มข้นขึ้น ไปในการผ่านเข้าออก โดยจำกัดประเภทคนและเวลาเข้าออก โดยคำนึงถึงพื้นฐานด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน สังเกตได้ว่าประชาชนที่มีความจำเป็นด้วยเหตุต่าง ๆ ยังสามารถเดินทางผ่านเข้าออกได้



ส่วนประเด็น กองกำลังบูรพา ประสานผ่อนผันรถขนส่งสินค้าที่ติดค้างจุดผ่านแดนต่าง ๆ พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นการประสานงานเฉพาะภายใน ซึ่งยังไม่มีการติดต่อไปยังกัมพูชาแต่อย่างใด โดยสิ่งจำเป็นคือต้องให้ฝ่ายไทยได้รับข้อมูลที่ชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการระหว่างประเทศต่อไป

นางมาระตี กล่าวว่า สำหรับประเด็นแรกเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ มีการพูดคุยถึงแนวทางบริหารถึงจุดผ่านแดนต่าง ๆ ขอยืนยันว่า รัฐบาลไทยยังยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะ 3 กลุ่มจำเป็น ผู้ป่วย นักเรียน-นักศึกษา บุคคลทั่วไปใช้จับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ หน่วยงานพื้นที่ที่ควบคุมจุดผ่านแดน ไม่ได้เรียกว่าปิด เน้นที่การควบคุมเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา มีประชาชนข้ามจุดผ่านแดนหลักหลายพัน
ส่วนประเด็นที่ 2 นโยบายการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งที่ผ่านมามีการยกระดับเรื่องนี้ ซึ่งจะมีผลต่อการควบคุมจุดผ่านแดน ซึ่งขอเรียนว่า กต. ขับเคลื่อนความร่วมมือกับนานาชาติและองค์การระหว่างประเทศ อาทิ Bali Process กรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ เน้นที่การค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นความร่วมกับอินโดนีเซีย และนิวซีแลนด์
ซึ่งล่าสุด นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ได้หยิบยกประเด็นการยกระดับมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีความเข้มข้นกับจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา หารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ด้วย