เพื่อไทย เปิดภาพแฉกลับ “ชูวิทย์” ป้อง เศรษฐา

7 ส.ค. 66 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ที่ ห้องบอลรูม ชั้น 2 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดา  

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย และผู้ร่วมเรือนจำเดียวกันกับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แถลงข่าวพร้อมเปิดภาพเนื้อหาเด็ด  

“แฉเพื่อชาติ หรือแฉเพื่อใคร?” 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า จากกรณี นายชูวิทย์ แถลงข่าวกล่าวหา นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ว่าทำนิติกรรมอำพราง หลีกเลี่ยงภาษี 521 ล้านบาทนั้น ตนขอถามกลับว่าทำไม นายชูวิทย์ ไม่ตรวจสอบตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งออกมาแถลงในช่วงนี้ ซึ่งจะมีการเสนอ นายเศรษฐา เข้าสู่การโหวตในรัฐสภา รวมทั้งบริษัทแสนสิริมีผู้บริหารหลายคน ทำไมจ้องจะเล่นงาน นายเศรษฐา คนเดียว แปลว่าจ้องจะโจมตีนายเศรษฐาใช่หรือไม่  

เรื่องนี้เหมือน นายชูวิทย์ เอาแพะชนแกะ

นายพร้อมพงศ์ บอก นายชูวิทย์ พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว

การซื้อขายที่ในลักษณะดังกล่าว เป็นไปตามระเบียบของกรมที่ดิน และสรรพากร โดยข้อเท็จจริง ที่ดินดังกล่าว ตั้งอยู่บนถนนสารสิน ตรงข้ามสวนลุมพินี ซึ่งเป็นทำเลทอง ราคาเป็นไปตามตลาด หากปรียบเทียบที่ดินของ นายชูวิทย์ ที่เคยให้ข่าวผ่านสื่อว่าขายที่ดิน 2,000 ล้าน 

วันนี้ ตนมีหลักฐานจะจับโกหก นายชูวิทย์ คำโต พร้อมเปิดคลิปการสัมภาษณ์ของ นายชูวิทย์ ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ มีการพูดถึงการขายที่ดินของโรงแรมนายชูวิทย์ อ้างว่าไม่เคยเสนอขายนายเศรษฐา  

โดยอ้างอีกว่า นายเศรษฐา เคยมาติดต่อถามว่าขายหรือไม่ นายชูวิทย์ยืนยันไม่ขาย เพราะรับมัดจำคนอื่นมาแล้ว 400 ล้านบาท 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนมีภาพหลักฐานหลายภาพ ว่านายชูวิทย์ เคยไปเจอกับผู้บริหารของแสนสิริ รวมถึงนายเศรษฐา

ก่อนจะเปิดภาพการเจรจาซื้อขายที่ดินที่บริษัทแสนสิริ ระบุวันที่ 8 กันยายน 2565 

โดยเหตุการณ์ในภาพดังกล่าว ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ เคยพยายามเสนอขายที่ดินให้บริษัทแสนสิริ  ในราคา 2,000 ล้านบาท จำนวนหลายครั้ง แต่ถูกแสนสิริปฏิเสธ ด้วยเหตุผลเรื่องข้อกฎหมาย ทั้งนี้ ยังทราบว่า เงินมัดจำจากเจ้าอื่น 400 ล้าน นายชูวิทย์ ยังริบไว้ และไม่คืนอีกด้วย จึงขอถามกลับไปว่า สิ่งนี้ทำให้ไม่พอใจหรือไม่ การแฉมีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ บอกว่าแฉเพื่อชาติ สุดท้ายแฉเพื่อใคร  

นายชูวิทย์ ในฐานะคนกว้างขวาง คนในวงการรู้กันดีว่าสนิทกับบิ๊กทหารคนไหน วันนี้ที่มาแฉ นายเศรษฐา สาดโคลน ดิสเครดิต ก่อนวันโหวตนายกฯ ไม่กี่วัน มีเป้าหมายให้ นายเศรษฐา ขาดคุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์ ตามมาตรา160(4)  ใช่หรือไม่ นายชูวิทย์มีวาระหรือหวังผลทางการเมืองให้ใครกลับมาเป็นนายกหรือไม่  

การที่บอกว่า นายเศรษฐา มีพฤติกรรมอำพราง  ตนมองว่าคนทำแบบนั้น คือนายชูวิทย์เองมากกว่า  ทั้งเรื่องที่ดินสวนชูวิทย์ ก่อนหน้านี้ มีการดำเนินคดี สุดท้ายก่อน นายชูวิทย์ ติดคุก ก็ให้เป็นสวน พอออกจากคุก ก็มาสู้กับ กทม. บอกว่าเป็นที่ของบริษัท เสียภาษีตลอดเวลา ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปร้อง ป.ป.ช. ขอถามกลับว่าแบบนี้มีพฤติกรรมอำพรางใช่หรือไม่