
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยยืนยันว่า กระแสข่าวการยุบพรรคพลังประชารัฐ และไปรวมกับพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่เป็นความจริง มีผู้ไม่หวังดีสร้างข่าวขึ้น ซึ่งในพรรคมีความเข้มแข็งและกลมเกลียวกัน จึงไม่มีแนวคิดเช่นนี้แม้แต่คนเดียว และขอย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐ ทำงานเพื่อบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวดังกล่าว เป็นการป้องกันไม่ให้พลังประชารัฐไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ในเรื่องของการเมือง คงไปได้ถ้าสิ่งนั้นทำให้บ้านเมือง มีความแข็งแรง โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐยึดถือ ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์เป็นที่ตั้ง และเป็นนโยบายอันดับแรก ต่อจากนั้นจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจพัฒนาบ้านเมืองให้พี่น้องอยู่ดีกินดี ซึ่งหัวหน้าพรรคก็ได้พูดอยู่ตลอด ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นข่าวที่สร้างกระแสด้านลบ ซึ่งพลเอกประวิตรยืนยันกับตัวเองตลอดว่า ท่านจะทำงานเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเข้มแข็ง ส่วนจะมีการพูดเป็นอย่างอื่นหรือไม่นั้นตนเองก็ไม่ทราบ เพราะต้องเป็นมติพรรค จะไปร่วมมือกับใครได้หรือไม่ได้ก็ต้องเคารพและเป็นมติพรรค แต่การจะสลายเพื่อไปรวมกับพรรคอื่น ตนเองพูดได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้ และเรื่องนี้กระทบกับทุกคนในพรรคอย่างมาก
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะลาออกนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องของอนาคต แต่วันนี้พรรคเรายังมีความกลมเกลียวเข้มแข็ง ส่วนอนาคตก็เป็นอีกเรื่อง ยืนยันว่าการที่มีคนมาบอกว่า พลเอกประวิตรจะถอยเรื่องการเมืองนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะพลเอกประวิตรยังรักประชาชนอยู่ และต้องดูแลประชาชน แก้ไขปัญหาต่างๆ และก้าวข้ามความขัดแย้งต่างๆ
ทั้งนี้พลเอกประวิตรจะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปตลอดหรือไม่นายสันติ กล่าวว่า เรียกว่าท่านมีความมั่นคงมากกว่า และพลเอกประวิตร เป็นคนที่มีความคิดเฉียบแหลม สิ่งที่ท่านคิดคนอื่นก็นึกไม่ถึงเสมอ ยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน ย้ำว่ายังไม่มีการพูดคุยในเรื่องของการวางมือทางการเมือง ทุกคนยังเคารพรับเชื่อมั่นพลเอกประวิตร ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเชื่อว่า พลเอกประวิตรอยากจะดูแลทุกคนอยู่
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และพรรคพลังประชารัฐมีความจำเป็นจะต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทย แต่มีเงื่อนไขว่าไม่มีลุง พรรคพลังประชารัฐจะเข้าร่วมหรือไม่นั้น นายสันติกล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต แต่การไม่ตั้งเงื่อนไขว่าไม่มีลุง คงไม่มีใครบังอาจมาตั้งเงื่อนไขกับพรรคได้ ไม่ว่ากรณีใดก็แล้วแต่ เหมือนกับบอกว่าเราจะไปแต่งงานกับใคร เปรียบเหมือนการมา บอกว่าจะต้องไม่มีพ่อไม่มีแม่คู่นี้ ซึ่งให้กำเนิดเรา คำพูดเช่นนี้ไม่ควรจะทำด้วยซ้ำ