(วันนี้ 19 มิ.ย.68) สำนักข่าวต่างประเทศ CNA รายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย กำลังเผชิญ วิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ หลังจากคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกฯ กัมพูชา หลุดสู่สาธารณะ จุดชนวนความไม่พอใจในหมู่กองทัพและพรรคร่วมรัฐบาล
ในคลิป แพทองธารเรียกฮุนเซนว่า “ลุง” และขอให้เขาอย่าเชื่อคำพูดของฝ่ายตรงข้ามในไทย รวมถึงทหารระดับสูง ทำให้ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือเป็นพรรคร่วมหลัก ประกาศ ถอนตัวจากรัฐบาลทันที โดยให้เหตุผลว่า นายกฯ บั่นทอนอธิปไตยและศักดิ์ศรีของกองทัพ
ขณะนี้รัฐบาลเพื่อไทยเหลือเสียงในสภาเพียง เล็กน้อยเหนือเกณฑ์ 248 เสียง และหากมีพรรคร่วมถอนตัวอีกเพียงพรรคเดียว ก็อาจต้องเผชิญกับการ ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่
เสียงวิจารณ์แรง “นายกฯ ที่ไร้ตัวตน”
CNA อ้างคำวิเคราะห์ของ ไมเคิล มอนเตซาโน นักวิชาการจากสถาบัน ISEAS สิงคโปร์ ว่า แพทองธาร “ขาดความสามารถด้านความมั่นคง” และอยู่ภายใต้อิทธิพลของบิดา “ตำแหน่งนายกฯ เหมือนเป็นที่ว่าง เพราะผู้นำไม่มีความเด็ดขาดและถูกครอบงำจากครอบครัว” มอนเตซาโน กล่าว
เงาทักษิณยังไม่จาง – ชะตาแพทองธารยังไม่ชัด
แพทองธาร วัย 38 ปี ขึ้นเป็นนายกฯ หลังศาลรัฐธรรมนูญปลด เศรษฐา ทวีสิน ในปี 2567 ท่ามกลางกระแสว่า ทักษิณ “กลับมาคุมเกม” การเมืองไทยอีกครั้ง แม้จะยังมีฐานเสียงในชนบท แต่ชนชั้นนำยังมองว่า “ตระกูลชินวัตร” เป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพประเทศ
วิกฤตชายแดนลามทางการเมือง
เหตุการณ์ปะทะชายแดนที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต กลายเป็นอีกจุดปะทุ แพทองธารประกาศยึด “แนวทางสันติ” แต่ท่าทีอ่อนของเธอกลับยิ่งทำให้ถูกตั้งคำถามเรื่องภาวะผู้นำ รัฐบาลแพทองธารกำลังเข้าสู่ทางแยก หากพรรคร่วมถอนตัวอีก พรรคเพื่อไทยอาจสูญเสียเสียงข้างมากในทันที ทำให้แพทองธารอาจกลายเป็น นายกฯ คนที่สามจากตระกูลชินวัตร ที่ต้องหลุดจากอำนาจเพราะแรงกดดันการเมืองและกองทัพ