ที่ลับเมืองกาญฯ กับ “อีจันพักร้อน” เพราะเรารู้ว่ากาญจนบุรีไม่มีดีแค่แพ

อีจันพักร้อน พาเที่ยวกาญจนบุรีเอาใจครบทุกสาย ทั้งสายมู สายมันส์ สายธรรมชาติ กับ 3 สถานที่สุดประทับใจ เพราะกาญจนบุรีไม่มีดีแค่แพ

อีจันพักร้อนปีนี้เราจะไปมันส์กันที่… 
“แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่ น้ำตก” 
 
อ่านคำขวัญก็คงรู้กันแล้วใช่ไหมครับว่าที่ไหน 
ถูกต้องแล้วครับจังหวัดนั้นก็คือกาญจนบุรี แต่อีจันพักร้อนทริปนี้เราจะเที่ยวกาญฯ 
แบบครบรส ทั้งได้มันส์ ได้มู ได้เมีย เอ้ย!ไม่ใช่


เราจะเที่ยวในแบบของอีจันไปในที่ที่เขาไม่ค่อยได้ไปกัน เพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ลูกเพจทุกคนได้รู้ว่า “กาญจนบุรีไม่ได้มีแค่แพ ยังมีอีกหลายที่ที่น่าสนใจ” ไปเริ่มกันเลยยยยย

วัดถ้ำคีรีธรรม
วันแรกพวกเราขอพาทุกท่านไปกราบ ปู่นิลกาฬ กับ แม่ย่ากัญญาวดี ณ วัดถ้ำคีรีธรรม ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี วัดนี้ห่างจากตัวเมืองประมาณ 18 กิโลเมตร ทางวัดมีลานจอดรถรองรับกว้างขวาง บรรยากาศโดยรอบร่มรื่น เพราะล้อมรอบไปด้วยป่าเขาอันเขียวชอุ่ม

เมื่อกราบสักการะเสร็จแล้ว เราก็จะเดินขึ้นไปชมภายในถ้ำกันต่อครับ เพราะเขาเชื่อกันว่าภายในถ้ำแห่งนี้เป็นที่อยู่ขององค์ปู่นิลกาฬนาคราช โดยจะสังเกตเห็นรอยที่คล้ายกับงูเลื้อยผ่าน จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นเส้นทางที่องค์ปู่นิลกาฬใช้ในการเข้าออกถ้ำนั่นเอง และมีความเชื่ออีกอย่างก็คือให้เราเอามือลูบบริเวณที่องค์ปู่เลื้อยผ่านจะทำให้เกิดโชคลาภ ด้วยการลูบบริเวณนั้น 3 ครั้ง แล้วเอาเข้ากระเป๋า 
 
อีกเรื่องที่น่าขนลุกไม่น้อย ไกด์ทัวร์ถ้ำบอกให้เราปิดไฟฉายแล้วมองเข้าไปให้ช่องบริเวณที่ปู่นิลกาฬอยู่แล้วจะเห็นแสงสว่าง และในบางคนก็จะเห็นช่องตรงนั้นเป็นลักษณะเหมือนกับงูตัวใหญ่กำลังจ้องมองเราอยู่

ทีมงานเราก็ไม่พลาดที่จะลอง ปรากฎว่าเห็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่อธิบายไม่ถูก มันฉีกกฎเกณฑ์วิทยาศาสตร์มากๆ เพราะช่องเป็นเพียงช่องในถ้ำและไม่ได้ทะลุออกไปด้านนอกแต่อย่างใด กลับมีแสงสว่างตามที่ไกด์บอกจริงๆ

อย่างไรก็ตามมันคือความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ อยากรู้ต้องมาลองพิสูจน์กันเอง

อุโมงค์ 3 มิติ
ที่นี่คือส่วนหนึ่งของเหมืองสองท่อของ ดร.ผล กลีบบัว ผู้ที่เคยได้รับสัมปทานและสิ้นสุดไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ปัจจุบันพื้นที่ของเหมืองสองท่อจึงอยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลสหกรณ์นิคม ที่มีความพยายามจะพัฒนาเหมืองแร่เก่าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างแหล่งสองท่อ-บ่อใหญ่-บ่องาม-บ่อน้อย ต.ชะลอ อ.ทองผาภูมิ เป็นแหล่งแร่โบราณที่มีร่องรอยการผลิตแร่มากว่า 1,500 ปี

โดยในปี 2521 บริษัทของตระกูลกลีบบัวได้ร่วมทุนกับบริษัทเยอรมัน ผลิตแร่ที่แหล่งแร่สองท่อ-บ่อใหญ่-บ่อน้อย ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้มีการทำเหมืองอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่ลึกจากผิวดิน 180 เมตร รวมความยาวของอุโมงค์ใต้ดินทั้งหมดได้กว่า 50 กิโลเมตร

ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2498 ที่สำรวจพบแหล่งแร่นี้มีการผลิตแร่ตะกั่วไปแล้วมากกว่า 7 ล้านตัน และคาดว่ายังมีปริมาณสำรองแร่คงเหลืออยู่อีกมากกว่า 7 ล้านตัน จัดเป็นแหล่งแร่ตะกั่วที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

อุโมงค์ 3 มิติ มีทั้งหมด 4 อุโมงค์ แบ่งเป็นอุโมงค์ระยะทางสั้นๆ 2 อุโมงค์ช่วงแรก อีกอุโมงค์เป็นเส้นทางขึ้นไปบนภูเขาแร่ชั้นบนสุดที่คนในพื้นที่เรียกกันว่า เขาเอเวอร์เรส เป็นเส้นทางเฉพาะคนพื้นที่เท่านั้นที่จะสามารถเข้ามาได้ เพราะอุโมงค์ช่วงนี้มีลักษณะแคบมากๆ แคบขนาดพอดีรถออฟโรดผ่านคนในรถไม่สามารถเปิดประตูรถลงได้ อุโมงค์สุดท้ายเป็นอุโมงค์ทางออกมีระยะทาง 2.3 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 นาที ในการขับรถออกมาจากอุโมงค์สุดท้ายนี้

บอกเลยครับหลังจากได้สัมผัสแล้ว พวกเรา 5 คนที่ไปด้วยกับปรบมือให้กับพี่เกม คนที่พาเราขึ้นไปถึงจุดสูงสุดคือ เขาเอเวอร์เรส ยอมรับเลยว่าทางแคบมากจริงๆ แคบถึงขนาดนั่งรถอยู่หลังกระบะสามารถเอามือลูบผนังและเพดานอุโมงค์ได้เลย ยอมฝีมือพี่เขาจริงๆ สุดยอด และที่นี่ยังเป็น 1 ใน 25 Unseen New Chapters ประจำปี 2566 อีกด้วย

บ้านช้างและธรรมชาติ Elephants’Home & Nature
ปิดท้ายด้วยสถานที่สุดธรรมชาติที่แสนอบอุ่น ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ครับ
เป็นบ้านสำหรับช้างที่ได้รับการช่วยเหลือและช้างที่ถูกทารุณจากสถานที่อื่นๆ
ที่นี่มีช้างอยู่ทั้งหมด 5 ตัว แต่ละตัวมีภูมิหลังที่โหดร้าย แต่ละตัวในอดีตโดนทำร้ายจากควาญช้างเดิม ไม่ว่าจะเป็นจากการถูกล่ามโซ่ ถูกตีด้วยตะขอจนมีบาดแผลเรื้อรัง และถูกใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินด้วยการใช้อานเหล็กหนักเป็นสิบๆ กิโลกรัม จนกระดูกสันหลังผิดรูป

ซึ่งการดูแลช้างที่นี่เป็นการดูแลช้างแบบธรรมชาติ โดยการดูแลช้างแต่ละตัวจะมีควาญช้าง 1 คน ต่อช้าง 1 เชือก เลี้ยงช้างแบบการศึกษาพฤติกรรม ไม่ใช้ตะขอ ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง ให้ช้างผ่อนคลายมากที่สุด

สำหรับการทำกิจกรรมกับช้าง ที่นี่จะมีการขี่ช้างแบบไม่ใช้อานนั่ง จะให้นักท่องเที่ยวนั่งบนบริเวณคอช้าง โดยจะมีควาญช้างเดินประกบไปด้วย ซึ่งในแต่ละกิจกรรมเราจะทำได้ในจุดที่ช้างอนุญาตให้เราทำเท่านั้น นอกจากนนี้ยังมีการให้อาหารช้างแบบธรรมชาติจากมือของนักท่องเที่ยว และที่ตื่นตาและอบอุ่นมากที่สุดคือการอาบน้ำช้าง ได้เล่นน้ำกับช้างในอย่างใกล้ชิดแบบหาที่ไหนไม่ได้

อีจันพักร้อนทริปนี้ เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีไปเลยครับ
ทำให้เรารู้ว่า กาญจนบุรีไม่ได้มีดีแค่แพ ยังมีอะไรให้เราบุกตะลุยค้นหาที่เที่ยวใหม่ๆ อีกหลายที่ที่เรายังไม่รู้ พวกเราคิดว่าก็ยังคงมีที่ที่น่าสนใจอีกมากเหลือเกิน ออกมาเที่ยวกันเยอะๆ นะครับ

โดดน้ำ ลุยถ้ำ พอกตัวดำ ทำสปาโคลน! ที่นี่ กาญจนบุรี ที่ไม่ได้มีดีแค่ล่องแพ