สถานการณ์การเมืองของประเทศเมียนมา ร้อนแรงขึ้นอีก ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า มีการจัดการชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ที่เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ โดยการชุมนุมนั้น ได้มีการยกระดับขึ้น เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา เป็นหญิงสาววัย 19 ปี ซึ่งแพทย์ได้แถลงการณ์ถึงการเสียชีวอตของเธอ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 19 ก.พ. ) ตามเวลาท้องถิ่น
ทำให้หลายเมืองใหญ่ของเมียนมา ได้มีการออกมาชุมนุม อย่างไรก็ดี ในการชุมนุมที่มัณฑะเลย์ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ ได้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด โดยมีการระดมยิงทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และการฉีดน้ำแรงดันสูง เข้าสลายการชุมนุม
นอกจากนี้ ได้มีทวิตเตอร์ Khurtai Maisoong @KhurtaiMaisoong ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ ที่นำเสนอข่าวสารของประเทศเมียนมาและชาติพันธุ์ มีการระบุข้อความทวิตเตอร์ว่า “ ตำรวจและทหารพม่า พล.ร.33 ได้สลายการชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ที่บริเวณอู่ต่อเรือยะดะหน่าโบ่ง เมืองมัณฑะเลย์ มีผู้เสียชีวิต 7 คน, บาดเจ็บ 35 คน และถูกจับมากกว่า 50 คน”
ขณะเดียวกัน ทวิตเตอร์ของ แคน สาลิกา ของบัณฑิต จันทศรีคำ คอลัมนิสต์ ผู้เชี่ยวชาญข่าวกลุ่มประเทศอาเซียน ได้ทวีตภาพการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เมียนมา ต่อผู้ชุมนุมในเมืองมัณฑะเลย์ โดยมีภาพของปลอมกระสุนปืน เอ็ม 16 ลูกเหล็ก รวมทั้งผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม
ด้าน สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เผยแพร่แถลงการณ์ของ นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลชาธิการยูเอ็น ประณามกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเมียนมา “ใช้กำลังและอาวุธ” สลายการชุมนุมของประชาชน ซึ่งออกมารวมตัวต่อต้านรัฐบาลทหาร ที่เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน เป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้ เนื่องจากพลเมืองมีสิทธิและเสรีภาพ ที่จะชุมนุมอย่างสันติ