“ทรัมป์” พาสหรัฐฯ ถอนตัว UNESCO คำรบสอง

อีกแล้วครับท่าน! “ทรัมป์” ประกาศพาสหรัฐฯ ถอนตัวจาก UNESCO เป็นครั้งที่ 2 อ้างเป็นองค์กรสร้างความแตกแยก มีผลบังคับใช้ ธ.ค. 69

(22 ก.ค. 68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมที่จะนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO เป็นครั้งที่ 2 หลังจากกลับเข้ามาภายใต้การนำของ โจ ไบเดน ได้เพียง 2 ปี

แทมมี่ บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า การเข้าไปเกี่ยวข้องกับยูเนสโก “ไม่เป็นผลดีต่อชาติของสหรัฐฯ” และกล่าวหาหน่วยงานของสหประชาชาติว่า เป็นการส่งเสริมประเด็นทางสังคม และวัฒนธรรมที่สร้างความแตกแยก

นอกจากนี้ เหตุผลที่บรูซ กล่าวถึงสำหรับการตัดสินใจถอนตัวออกจาก UNESCO ก็คือการที่องค์กรให้ความสำคัญเกินควร ต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ UN ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับความยากจนและความหิวโหย ตลอดจนการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและพลังงานสะอาด

ด้าน ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก กล่าวแสดงความเสียใจต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ ระบุว่า

ฉันรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะถอนสหรัฐอเมริกาออกจาก UNESCO อีกครั้ง การตัดสินใจครั้งนี้ขัดแย้งกับหลักการพื้นฐานของพหุภาคี และอาจส่งผลกระทบต่อพันธมิตรของเรามากมายในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับแรก ได้แก่ ชุมชนต่างๆ ที่ต้องการขึ้นทะเบียนพื้นที่ในรายชื่อมรดกโลก สถานะเมืองสร้างสรรค์ และตำแหน่งประธานมหาวิทยาลัย ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในสิ้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2569

ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลทรัมป์ ตัดสินใจถอนตัวออกจาก UNESCO แต่เกิดขึ้นในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อปี 2018 เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับอคติต่อต้านอิสราเอลในหน่วยงานของ UN ก่อนที่ 5 ปีต่อมา (ปี 2023) รัฐบาลของไบเดน จะหวนกลับเข้าร่วม UNESCO อีกครั้ง พร้อมประกาศแผนการจ่ายเงินย้อนหลังกว่า 600 ล้านดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูล : POLITICO