(11 มิ.ย. 68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ไม่ใช่หน่วยฉุกเฉิน และชาวอเมริกัน ออกจากพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากความตึงเครียด ระหว่างอิสราเอล และอิหร่าน
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ชาวอเมริกันในตะวันออกกลาง ได้รับคำแนะนำให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว เพราะอาจเป็นสถานที่อันตราย และเราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ทรัมป์ย้ำว่า สหรัฐฯไม่ต้องการให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ กล่าวว่า “เราจะไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น”
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คนกล่าวว่า สตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตประจำตะวันออกกลางของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงวางแผนที่จะพบกับอิหร่านเพื่อหารือรอบที่ 6 เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของประเทศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ขณะเดียวกัน อาซิส นาซีร์ซาเดห์ รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน กล่าวว่า หากการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ล้มเหลว และ “เกิดความขัดแย้งขึ้นกับเรา” กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม “จะโจมตีฐานทัพของสหรัฐฯ ทั้งหมดในประเทศ”
ซึ่งเมื่อวันพุธ (11 มิ.ย. 68) องค์การการค้าทางทะเลของสหราชอาณาจักรได้แนะนำให้เรือต่าง ๆ ใช้ความระมัดระวังในอ่าวเปอร์เซีย ช่องแคบฮอร์มุซ และอ่าวโอมาน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญ 3 เส้นทางสำหรับการค้าน้ำมันทั่วโลก เนื่องจาก “ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นภายในภูมิภาค ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางทหาร”
ด้าน พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า “มีข้อบ่งชี้ว่า อิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่การทำอาวุธนิวเคลียร์”
โดยที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์พยายามเจรจาข้อตกลงกับอิหร่าน เพื่อจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลระหว่างประเทศ ระบุว่า อิหร่านยังคงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมจนเกือบถึงระดับอาวุธ ซึ่งการเจรจามีความละเอียดอ่อนและไม่แน่ชัดว่าทั้ง 2 ฝ่ายใกล้บรรลุข้อตกลงกันแค่ไหน โดยทรัมป์ ยืนยันว่า เขาจะไม่ยอมรับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใด ๆ จากอิหร่าน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้รับรายงานว่า ขณะนี้กองทัพอิสราเอล เตรียมพร้อมที่จะเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน หากการเจรจากับสหรัฐฯ ได้รับความล้มเหลว
ขอบคุณข้อมูล : CBS News