เคยเจอกันไหมคะ เวลาไปห้างหรือไปสถานที่ต่าง ๆ แล้วเจอเด็กเล็กๆ งอแงเอาแต่ใจอยากได้ของ หรือเล่นสินค้าจนกระจัดกระจาย ซ้ำร้ายบางกรณีผู้ปกครองก็ไม่ว่ากล่าวตักเตือนลูก ปล่อยให้ลูกรื้อของไปเรื่อย ๆ
ล่าสุดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน โดยเมื่อวานนี้ (15 มิ.ย. 66) เว็บไซต์ไทยนิวส์ ได้โพสต์ว่า มีคุณแม่ชาวจีนท่านหนึ่งปล่อยลูกรื้อของในห้างจนกระจัดกระจาย พร้อมทั้งใช้ร่มในมือชี้หน้าต่อว่าพนักงานด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
รายงานข่าวระบุว่า เรื่องราวสุดฉาวนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ในเมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง คุณแม่รายนี้พาลูกชายของเธอมาเดินชอปปิ้ง ณ ห้างสรรพสินค้า ก่อนลูกชายของเธอจะเริ่มรื้อชุดชั้นในที่ถูกแพ็คในห่อและแขวนโชว์อย่างเป็นระเบียบบนชั้นวางลงมากระจายเต็มพื้น พนักงานเห็นจึงขอร้องให้คุณแม่ท่านนี้ช่วยห้ามและดูแลลูกชายของเธอหน่อย
แต่คุณแม่ท่านนี้ ไม่สนใจที่จะฟังคำของร้องนอกจากจะไม่ห้ามลูกชายแล้ว ยังเริ่มตะโกนโวยวาย ถึงขั้นใช้ร่มในมือชี้ไปที่พนักงานขณะเถียงด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดพร้อมพูดว่า “อย่างแรกเลยนะ ฉันรู้ว่าลูกฉันทำผิด สอง ฉันบอกเขาไปแล้วว่าให้หยุด คุณแค่ยอมให้เขาเล่นไปจนกว่าจะพอใจ ถ้ายิ่งห้ามเขาก็จะยิ่งร้อง ฉันบอกคุณไปแล้วไง เดี๋ยวฉันจะเก็บเข้าที่เอง ถ้าของเสียหายฉันก็จะชดใช้ คุณไม่ต้องมากังวลหรอก”
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น เรื่องราวกลับจบลงที่พนักงานอีกคนเข้ามากู้สถานการณ์ ด้วยการเก็บสินค้าทั้งหมดขึ้นจัดเรียงบนชั้นตามเดิม ส่วนแม่ลูกคู่นี้ก็ทำเนียนเดินจูงมือกันออกจากร้านไป โดยไม่ได้ชดใช้ความเสียหายใด ๆ หรือไม่แม้แต่จะนำสินค้ากลับไปจัดเรียงบนชั้นตามเดิมอย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้
หลังเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียล ชาวเน็ตจีนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก และมองว่าการกระทำของคุณแม่ท่านนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เช่น ทุกการกระทำแย่ๆ ของเด็ก มีผู้ปกครองนิสัยแย่ๆ อยู่เบื้องหลังเสมอ, มันมีจริงๆ นะ พ่อแม่ที่เชื่อว่าลูกของตัวเองเป็นฮ่องเต้ในบ้านไม่พอ ยังมาคาดหวังให้คนอื่นเชื่อแบบเดียวกันอีก, ถ้าพ่อแม่ไม่สั่งสอนลูก เดี๋ยวสังคมจะสั่งสอนให้เอง
ขณะเดียวกันปัญหาเช่นนี้ไม่ได้มีแค่ในประเทศจีนเท่านั้น ประเทศไทยเราเองยังพบเห็นกันอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากเด็กยังขาดวุฒิภาวะ และได้รับการสั่งสอนที่แตกต่างกัน หากลูกเพจเป็นผู้ปกครอง หรืออยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร และมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : www.jeenthainews.com