แม่ ด.ญ. 9 ขวบ ขอให้ ประหารชีวิต “ไอ้แหบ” สถานเดียว !

แม่ ด.ญ. 9 ขวบ ขอให้ ประหารชีวิต “ไอ้แหบ” หวั่นออกมาก่อเหตุซ้ำ ด้านตำรวจโคราช ไม่นำตัวฆาตกรไปทำแผน กลัวโดนรุมประชาทัณฑ์

หลังจาก นายอนุวัฒน์ หรือ แหบ อายุ 24 ปี ฆาตกรฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (11 ก.พ.64) ขณะที่ผู้ต้องหาย้อนกลับมาหลบซ่อนตัวอยู่ในยุ้งข้าวหลังบ้านของตัวเอง

ผกก.ปักธงชัย เผยไอ้แหบ จนตรอก ถูกรวบหลังบ้าน หวั่นถูกประชาทัณฑ์

โดยก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้ระดมกำลังค้นหาตัวผู้ต้องหาตลอดทั้งวันทั้งคืนแต่ไม่พบตัว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ย้อนกลับเข้ามาค้นหาที่บ้านพักของผู้ต้องหาอีกครั้ง และพบสิ่งผิดปกติ คือ ประตูยุ้งข้าวถูกปิดจากด้านใน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ที่เข้าตรวจค้นยังสามารถเปิดได้ เจ้าหน้าที่จึงงัดหน้าต่างยุ้งข้าวเข้าไปตรวจสอบ และพบผู้ต้องหาหลบซ่อนตัวอยู่ภายใน

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ช่วงหัวค่ำก่อนเกิดเหตุ (10 ก.พ.64) ตนเองได้ดื่มเหล้าขาวกับเพื่อนจนเมา แล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงอาศัยช่วงจังหวะที่พ่อแม่ของเด็กหญิงไม่อยู่บ้าน พาตัวเด็กหญิงไปข่มขืนที่ห้องน้ำบ้านของตัวเอง 1 ครั้ง และในป่าละเมาะหลังบ้านอีก 1 ครั้ง รวมข่มขืนเด็กหญิงทั้งหมด 2 ครั้ง ซึ่งระหว่างนั้นเด็กหญิงได้ขัดขืน และพยายามร้องขอความช่วยเหลือ ผู้ต้องหาจึงทำร้ายบีบคอเด็กหญิงจนเสียชีวิต และได้ใช้ผ้าห่มห่อร่างของเด็กหญิงทิ้งไว้ในป่าละเมาะ ห่างจากบ้านพักของเด็กประมาณ 200 เมตร

ด้านนางฤทัยรัตน์ อายุ 42 ปี แม่ของเด็กหญิงที่เสียชีวิต เปิดใจว่า ขณะนี้ทำใจได้บ้างแล้ว หลังคนร้ายถูกจับกุมดำเนินคดี แต่ไม่ขอให้อภัยกับการกระทำอันโหดร้ายผิดมนุษย์ของไอ้แหบ และอยากให้รับโทษสถานเดียว คือ ประหารชีวิต เพราะหากถูกปล่อยให้กลับออกมา มั่นใจว่าไอ้แหบจะกลับมามีพฤติกรรมแบบเดิมอีก อยากให้ลูกสาวเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของผู้ต้องหา ไม่อยากให้มีโอกาสมากระทำรุนแรงกับเด็กคนอื่นซ้ำอีก ส่วนกรณีตำรวจไม่นำตัวไอ้แหบมาทำแผน ก็แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ แต่ขอให้ดำเนินคดีจนรับโทษขั้นสูงสุด

ส่วนนางสมจิตร อายุ 77 ปี ย่าของผู้ต้องหา เปิดเผยด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจว่า เสียใจมากที่หลานชายก่อคดีโหดร้ายกับเด็กหญิงวัยแค่ 9 ขวบ แม้จะพร่ำสอนให้กลับตัวกลับใจเป็นคนดี หลังเคยติดคุกมาแล้ว แต่หลานชายก็ไม่เชื่อฟัง ซ้ำยังบอกว่าอยากกลับไปติดคุกอีกเพราะออกมาก็ไม่มีงานทำ ไม่มีความสุข ทั้งนี้ก็ขอให้หลานชายรับโทษตามกฎหมาย ตามผลกรรมที่ก่อไว้

ล่าสุดวันนี้ (12 ก.พ.64) ตำรวจ สภ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ยังคงควบคุมตัวผู้ต้องหาอยู่ภายในห้องขังของโรงพัก โดยมีตำรวจคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวว่าผู้ต้องหาอาจทำร้ายตัวเอง เนื่องจากขณะนี้ภายในห้องขังของโรงพักมีเพียงนายอนุวัฒน์เพียงคนเดียวที่ถูกคุมขังอยู่

โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาหนักกับนายอนุวัฒน์ ประกอบด้วย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี

และจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่า นายอนุวัฒน์ เคยก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรามาแล้วหลายครั้ง โดยก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อปี 2553 ที่ สภ.นาทม จ.นครพนม ปี 2558 ก่อเหตุกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เหตุเกิดที่ สภ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา และล่าสุดเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ 2 เดือนก็มาก่อเหตุฆ่าข่มขืนเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ ในพื้นที่ สภ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

ส่วนเรื่องการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ตำรวจได้หารือกันแล้วว่าจะไม่นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาอาจโดนรุมประชาทัณฑ์ เนื่องจากบริเวณสถานที่เกิดเหตุเป็นชุมชนค่อนข้างแออัด และมีชาวบ้านอยู่รวมกันจำนวนมาก ทำให้การดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทำได้ลำบาก ประกอบกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ก็มากพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้แล้ว และขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนผู้ต้องหาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังติดวันหยุดตรุษจีนจึงยังไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังได้ โดยตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนครราชสีมาในวันพรุ่งนี้ (13 ก.พ.64)