ล่าแก๊งเสือปุ่น ตุ๋นปล้นเงิน แลกเหรียญคริปโต ประวัติอื้อ

ตำรวจ เปิดเกมล่า ผู้ต้องหา 5 ราย #แก๊งเสือปุ่น ก่อเหตุปล้นเงิน 3.4 ล้าน ตุ๋นแลกเหรียญคริปโต !!!

ตำรวจ เปิดเกมล่า ผู้ต้องหา 5 ราย #แก๊งเสือปุ่น ก่อเหตุปล้นเงิน 3.4 ล้าน ตุ๋นแลกเหรียญคริปโต !!!

เหตุนี้ เกิดขึ้นวันที่ 30 มิ.ย.68 ช่วง 20.00 น. ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า รับแจ้งเกิดเหตุปล้นทรัพย์ ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เขตจตุจักร กทม. ที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถชั้น 2 ของห้าง

เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้พบกับผู้เสียหาย 3 คน คือ นายปิยลาภ อายุ 35 ปี นายรัฐภูมิ อายุ 20 ปี และนายสัจพจน์ อายุ 29 ปี ยืนรอให้การด้วยอาการตื่นตระหนก

นายสัจจพจน์ เล่าว่า ตนกับเพื่อนรู้จักกับเอเยนต์ ซึ่งเป็นสาวสองสามารถนำเงินสกุลคริปโตเคอเรนซี่มาขายให้ได้ รอบแรกมีการซื้อขายกัน 300,000 บาท ครั้งที่ 2 ขายอีก 200,000 บาท ครั้งนี้พวกตนมั่นใจ จึงตกลงซื้อเงินคริปโตฯสกุล USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ตีเป็นเงินไทย คือ 3,400,000 บาท และนัดเจอเพื่อซื้อขายกันที่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว

วันเกิดเหตุ คนร้ายมาด้วยกันทั้งหมด 6 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน และสาวสองที่เป็นเอเยนต์ อีก 1 คน ทั้งหมดนั่งคุยกันสักพักก็เรียกกลุ่มผู้เสียหายไปซื้อขายกันต่อที่ลานจอดรถชั้น 1 จากนั้นนายปิยลาภ กับนายรัฐภูมิได้เดินตามคนร้ายเข้าไปในรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนด์เงิน ทะเบียน ขก 1116 นครสวรรค์ ซึ่งในรถมีคนร้าย 2 คน คนขับเป็นชาย หญิงนั่งเบาะซ้าย ส่วน นายปิยลาภ กับนายรัฐภูมิ นั่งเบาะหลัง จากนั้นได้มีคนร้ายอีก 2 คนเปิดประตูหลังเข้ามาทั้ง 2 ด้าน เอามีดจ่อคอ แล้วให้ก้มหัวลง ขู่ว่าถ้าขัดขืนจะแทงให้ตาย และยังสังเกตุเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืนด้วย

นายสัจจพจน์ เล่าต่ออีกว่า ตนเป็นคนถือกระเป๋าสะพายใส่เงิน เดินตามลงมาทีหลัง จึงไม่รู้ว่าในรถเกิดเหตุอะไรขึ้น ต่อมาคนร้ายเป็นหญิงที่นั่งหน้ารถ เดินมาเรียกตนให้เข้าไปในรถด้วย บอกว่า การเจรจาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว ให้เอาเงินไปส่งมอบในรถ ตนหลงเชื่อจึงเดินตามไป ขึ้นไปนั่งเบาะหน้า โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นว่า นายปิยลาภ กับนายรัฐภูมิถูกมีดจี้อยู่เบาะหลัง จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชายอีกคน เปิดประตูด้านที่ตนนั่งขึ้นมานั่งประกบ แล้วใช้มีดจี้ที่คอ แล้วให้ก้มหน้าลง จากนั้นได้กระชากกระเป๋าสะพายใส่เงิน วิ่งไปขึ้นรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้สีเทา ทะบียน กอ 7894 นนทบุรี หลบหนีไป

ส่วนตนที่อยู่ในรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค กลุ่มคนร้ายได้ขับวนที่ลานจอดรถชั้น 1 นายสัจพจน์ พยายามอ้อนวอนคนร้ายว่า ขอเงินบางส่วนจำนวน 22,000 บาท เพื่อไปจ่ายค่ารักษาแมว แต่คนร้ายไม่ฟัง แล้วคนร้ายก็ปล่อยพวกตนลงที่ลานจอดรถแล้วขับรถหลบหนีไป

ผ่านไปไม่ถึงวัน ตำรวจทำงานเร็วมาก !

สามารถรวบ 2 ผู้ต้องหา หนึ่งในแก๊งตุ๋นแลกเงินคริปโตฯได้

คือ นายเฌอพัชญ์ หรือ หนาว อายุ 25 ปี (สาวสอง) และ น.ส.นานา หรือนานา อายุ 31 ปี

ตำรวจบรวบทั้ง 2 คนได้ที่รีสอร์ต ซอยคลองโซน 6  อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นเงินสดจำนวน 1,900,000 บาท เป็นส่วนแบ่งจากการกระทำความผิด เสื้อผ้าที่สวมใส่ในขณะก่อเหตุ บัญชีธนาคารและบัตร ATM รวมทั้งสิ่งของที่ได้มาจากการทำความผิดก่อนหน้านี้ของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย

ตำรวจได้คุมตัว หนาว และ นานา ไปที่ สน.พหลโยธิน เพื่อสอบปากคำ ขยายผลถึงกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ จากการสอบปากคำเบื้องต้น หนาวและนานา สารภาพอ้างว่า หนาวทำหน้าที่ เป็นเอเยนต์ หรือตัวแทนหลอกซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ผ่านกลุ่ม Facebook ต่างๆ เมื่อเจอเหยื่อจะทำทีพูดคุย หากตกลงกันจะแอดไลน์และหลอกซื้อขายกัน กรณีผู้เสียหายรายนี้ ได้หลอกลวงไปแล้ว 2 ครั้ง จำนวน 200,000 บาท และ 300,000 บาท เชื่อว่าเป็นการหลอกซื้อขายเพื่อให้ผู้เสียหายตายใจ ก่อนจะตกลงซื้อขายกันในราคา 3.4 ล้านบาท ที่ห้างสรรพสินค้าย่านลาดพร้าว เมื่อมาถึงก็ทำทีที่จะขอดูเงิน เมื่อพบว่ามีเงินอยู่จริง จะล่อลวงให้ผู้เสียหายไปที่รถและลงมือก่อเหตุ

สำหรับตัว น.ส.นานา นั้น มีพฤติการณ์ที่เห็นชัดจากภาพวงจรปิดว่า นั่งอยู่ภายในรถ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขก-1116 นครสวรรค์ และทำหน้าที่ไปตามให้ผู้เสียหายอีกรายที่ถือกระเป๋าเงินมาขึ้นรถ

ซึ่งภายหลังก่อเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้นำ นายหนาว และ น.ส.นานา ไปส่งที่บ้านเช่าย่านประชานิเวศน์ 3 ก่อนจะแบ่งส่วนแบ่งและมอบเงินค่าแท็กซี่ให้ทั้ง 2 คน หลบหนีไปเช่ารีสอร์ทอยู่ที่ย่านลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อแยกย้ายและหลบหนีการจับกุม

ซึ่งทั้งคู่ให้การเป็นประโยชน์ ซัดทอดถึง นายรุ่งนิรันดร์ หรือโบ้ อายุ 32 ปี ,นายบอล หรือบอล อายุ 35 ปี ,นายนนทวัฒน์ หรือสอง อายุ 28 ปี ,นายวรวัฒน์ หรือเสือปุ่น(หัวหน้าแก๊ง) อายุ 43 ปี และนายอนันต์ชัย หรือไอซ์ อายุ 26 ปี

โดยระบุว่าตัวการใหญ่ คือ นายปุ่น หรือ เสือปุ่น ได้เงินส่วนแบ่งที่เหลือไปจำนวน 1.5 ล้านบาท ทั้งหมดรู้จักกันจากการเคยร่วมกระทำความผิดร่วมกัน รวมทั้งเคยเสพยาเสพติดและเช่าพักอาศัยอยู่ด้วยกัน

เบื้องต้นพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 5 รายที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวนั้น เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีทั้งลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์และยาเสพติด ส่วนนายเฌอพัชญ์หรือหนาว และ น.ส.นานา พบว่าก่อนหน้านี้เพิ่งถูกออกหมายจับในท้องที่ สน.โคกคราม ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น  ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และ ร่วมกันมีอาวุธปืน มาก่อน

เบื้องต้นชุดสืบสวนของสืบนครบาล ร่วมกับสืบ บก.น.2 และสืบ สน.พหลโยธิน อยู่ระหว่าง กำลังเร่งไล่ล่าตัวผู้ต้องหา 5 รายมาดำเนินคดีต่อไป