สอท. ยึดบ้าน รถหรู CEO PMiner หลอกลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี

ตำรวจ สอท. บุกบ้าน CEO PMiner ยึดทรัพย์ รถหรู 5 คัน นาฬิกา บ้าน พร้อมอายัดบัญชี ยึด 100 ล้านบาท

PMiner ชื่อนี้กำลังดัง

มีผู้เสียหายหลายราย เดินทางเข้าเเจ้งความกับตำรวจ บอกถูกหลอกให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี เเต่ไม่ได้กำไร

อีจันเจาะคดีนี้ กับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) จนรู้ว่า PMiner ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.พ.62 โดยมีนายกิติกร จดเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป ใช้ทุนจดทะเบียน 500,000 บาท ประกอบกิจการบริการรับจ้างออกเเบบพัฒนาเว็บไซต์ รับจดทะเบียนชื่อโดเมน

มีหุ้นส่วนด้วยกัน 3 คน

โดย 2 ใน 3 คือ นายกิติกร เเละเเฟนสาว

ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย.65 มีการเเปรสภาพ

จาก ห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็น บริษัท พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป ทุนจดทะเบียนเท่าเดิม เเต่มีวัตถุประสงค์การจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น คือ บริการเช่าพื้นที่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมีกรรมการเป็นนาย กิติกร

เหตุเกิดวันที่ 22 ส.ค.65

กิติกร ประกาศลงในกลุ่มการลงทุนว่า ตนเองมีปัญหาเรื่องการขุดเหมือง เนื่องจากค่าไฟเเพง จึงไม่คุ้มต่อการขุดต่อ โดยขอว่าใครที่ได้กำไรไปเเล้ว ไม่ขอคืนเงินให้ จึงทำให้มีผู้เสียหาย รวมตัวกันที่บ้านของ กิติกร เพื่อขอเงินคืน หรือ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ก่อน กิตติกร จึงโอนเงินที่เป็นเงินปันผลคืนให้ผู้เสียหาย เเต่…ยังมีผู้เสียหายบางส่วนยังไม่ได้เงินคืน จึงรวมกลุ่มไปเเจ้งความ ที่ DSI จังหวัดเชียงใหม่ ,กองปราบ ,สถานีตำรวจในพื้นที่ รวมถึง สอท.ด้วย

ถามว่ารูปเเบบของการโกงเป็นเเบบไหน ?

พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท. อธิบายให้อีจันฟังเเบบนี้ค่ะ

เริ่มต้นจากการที่ กิติกร มีความรู้ด้านบิตคอยน์ ขุดเหมือง ขุดเงินคริปโตเคอร์เรนซี สกุลเงินต่างๆ หลังจากนั้นได้ระดมคนที่รู้จัก คุ้นเคย หรือ คนที่อยู่ในกลุ่มการลงทุน ให้มาร่วมลงทุนด้วย จากนั้น กิติกร ก็ได้สร้างภาพ ให้ตัวเองมีความเป็นนักธุรกิจ เป็นที่สังคมยอมรับ เเสดงตัวเป็นผู้ร่ำรวย โชว์เงินทอง สิ่งของต่างๆ เเบรนด์เนม ว่ามีได้เพราะประกอบธุรกิจนี้ รวมถึงมีการบริจาคหลายๆอย่างให้หน่วยงานรัฐด้วย ทำให้ผู้คนเกิดความศรัทธาเเละมั่นใจในตัวของ กิติกร ว่าธุรกิจที่ทำมาร่ำรวยจริงๆ ถ้าอยากจะรวยมาคุยกัน มีเเนวทางทำธุรกิจให้

พอมีคนสนใจลงทุนด้วย กิติกร ก็จะชวนให้ลงทุนตามโปรเเกรมที่ตัวเขาวางไว้ให้ มีกว่า 10 โปรเเกรม ซึ่งเป็นการลงทุนทั้งหมด เเละเเต่ละโปรเเกรมไม่เหมือนกัน

จากการสืบสวนของตำรวจ สอท. ทราบว่า ตั้งเเต่วันที่ 1 ม.ค.65 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียหายลงทุนค่อนข้างเยอะ บางคนลงคนเดียวถึง 54 ล้านบาท ขณะนี้มีผู้เสียหายในระบบจำนวน 380 คน มูลค่าความเสียหาย 300 กว่าล้านบาท นี่ยังไม่รวมผู้เสียหายที่ยังไม่เดินทางเข้ามาเเจ้งความนะ

ขณะนี้ ตำรวจ สอท.ได้ขอศาลออกหมายจับ นายกิติกร เเละ ณัฐวดี เเล้ว

ฐานความผิด คือ ร่วมฉ้อโกงประชาชน ,ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เเละความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.เงินกู้

ซึ่งในวันนี้ (29 ส.ค.65) ตำรวจ สอท. บุกบ้าน กิติกร เพื่อยึดทรัพย์ สิ่งที่ตำรวจยึดมาได้ คือ รถหรู 5 คัน ยี่ห้อปอร์เช่ เเลมโบกินี บีเอ็มดับบลิว เฟอร์รารี เบนท์ลีย์ นาฬิกาหรู บ้าน ที่ดิน เเละอายัดบัญชีกว่า 10 บัญชี รวมเป็นเงิน 101 ล้านบาท

ตำรวจค้นบ้าน เเต่ไม่พบว่ามีใครอยู่ในบ้านสักคน

จึงตรวจสอบเส้นทางการเดินทาง พบว่า ยังไม่เดินทางออกนอกประเทศเเต่อย่างใด

“ที่ผ่านมาหลายคดี มีพฤติกรรมเดียวกันเลย สร้างภาพ สร้างฐานะ ของตัวเองขึ้นมาให้ดูดี สร้างภาพในสังคมด้วยการบริจาค อยากฝากเตือนคนที่จะลงทุนว่า ให้คิดก่อน ว่าไม่มีอะไรหรอกที่ลงทุนน้อยเเล้วได้เงินมาก เเละไม่เสี่ยง ยิ่งได้ดอก ผล เเพงเท่าไหร่ก็ยิ่งเสี่ยงมากเท่านั้น เหตุเกิดขึ้นซ้ำๆ เพราะคนไม่รู้ เเละเขาเชื่อใจว่าคนๆนี้ ที่สร้างภาพขึ้นมา มันทำได้จริง รวยจริง มีรถหรู นาฬิกา ของใช้เเบรนด์เนม”

ทั้งนี้ พล.ต.ต.รณชัย ยังบอกอีกว่า อยากให้ กิติกร กลับมาสู้คดี จะได้ตอบได้ว่าสิ่งที่เขาทำคืออะไร มีเจตนาจะคืนเงินผู้เสียหายหรือไม่ ผู้เสียหายไม่ต้องการให้ใครติดคุก เเต่ต้องการเงินของเขาคืน

คลิปอีจันแนะนำ
เอ็ม เล่า วันเกิดเหตุ ข่มขืนดารา