
คืบหน้าคดีดัง! “ชาล็อต ออสติน” นางงามมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ถูกขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ DSI แจ้งว่าชาล็อตมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ก่อนที่เธอจะหลงเชื่อโอนเงินให้ รวมทั้งหมด 3 ยอด 4 ล้านบาท เมื่อเธอรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงแจ้งอายัดบัญชีธนาคาร และเข้าแจ้งความดำเนินคดี กระทั่งเจ้าหน้าที่จับคนร้ายได้
ล่าสุด ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต เปิดเผยกับทีมข่าวอีจัน ว่า วันนี้ (29 พ.ค.68) ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา คดีที่อัยการโจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 4 ต่อศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ อทย.256/2568 คดีหมายเลขแดงที่ อทย.424/2568 ในข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฉ้อโกง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ลหุโทษ ตามพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 4 ราย ดังนี้
จำเลยที่ 1 มีหน้าที่เปิดบัญชีธนาคาร และข้ามไปสแกนใบหน้าที่ฝั่งกัมพูชา แล้วส่งมอบข้อมูลให้แก่จำเลยที่ 2,3
จำเลยที่ 2,3 มีหน้าที่ในการรวบรวมบัญชีธนาคาร ส่งให้แก่ จำเลยที่ 4
จำเลยที่ 4 มีหน้าที่สวมเครื่องแบบตำรวจหลอกผู้เสียหาย ว่าได้มีการกระทำความผิดทางอาญา เมื่อหลอกผู้เสียหายสำเร็จ จำเลยที่ 4 จะให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 4 ได้รับสมุดบัญชีธนาคารมาจากจำเลยที่ 2,3
เมื่อจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันหลอกผู้เสียหายสำเร็จ และได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้ว ก็จะนำเงินที่ร่วมกันหลอกมาได้นั้น ไปซื้อเหรียญดิจิทัล อันนี้ลักษณะเป็นการฟอกเงิน

โดยศาลพิพากษาลงโทษ จำเลยที่ 1 ลงโทษจำคุก 6 ปี 150 เดือน, จำเลยที่ 2 ,3 ลงโทษจำคุก 7 ปี 150 เดือน, จำเลยที่ 4 ลงโทษจำคุก 6 ปี 146 เดือน และให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 4,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับจากวันที่ 8 ธ.ค.67 ให้แก่โจทก์ร่วมจนครบถ้วน