แถลงจับ ไอ้เหี้ยม อุ้มเด็ก 3 ขวบจากบ้าน ไปทำอนาจารและทิ้งศพในสระน้ำ

บิ๊กโจ๊กแถลง จับไอ้เหี้ยม อุ้มเด็กหญิงวัย 3 ขวบ 11เดือนจากบ้าน ไปทำอนาจารและทิ้งศพในสระน้ำ จ.นราธิวาส ครอบครัวเศร้าขอเอาผิดผู้ก่อนเหตุให้ถึงที่สุด

จากกรณี เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศตามหาเด็กหญิงวัย 3 ขวบเศษ หายออกจากบ้าน และในวันที่ 16 พ.ค. 66 เวลาประมาณ 09.00 น. ได้พบร่างของน้องอยู่ในสระน้ำห่างออกจากบ้านไปเพียง 350 เมตร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จับแล้ว! ฆาตกรเหี้ยม ข่มขืนฆ่าทิ้งบึง เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่ จ.นราธิวาส

วันนี้ 22 มิ.ย.66 ที่สโมสรตำรวจ กทม. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผล.ตร. ได้มีการแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีทำอนาจารเด็กหญิงวัย 3 ขวบ 11 เดือนและทิ้งศพในสระน้ำใกล้หมู่บ้าน

หลังจากการเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดเบื้องต้นแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลสิริรัตนรักษ์ รายงานผลชันสูตร พบบาดแผลฉีกขาดบริเวรช่องคลอด คาดว่าถูกคนร้ายล่วงละเมิดทางเพศ และสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว

จากการสืบสวนจากกล้องวงจรปิดรอบๆ บ้าน ในช่วงที่น้องได้ถูกลักพาตัวไปนั้น พบชายสวมเสื้อสีขาวได้อุ้มตัวน้องออกไป ทางชุดสืบสวนจึงได้เข้าทำการสอบถามบุคคลที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านที่เกิดเหตุ มีบ้านจำนวน 24 หลัง และบุคคลอีก 96 คน สามารถแยกผู้ต้องสงสัยออกมาได้ 6 คนพร้อมเชิญผู้ต้องสงสัยมาซักถามและได้ทำการตรวจยึดเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ในที่เกิดเหตุทั้งหมด

ซึ่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คน นั้นสามารถยืนยันสถานที่อยู่ขณะเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ได้ แต่มีเพียง 1 คนคือ นายมะยาการียา ที่ไม่สามารถยืนยันสถานที่อยู่ขณะเกิดเหตุได้ และทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมชายวัยกลางคน ทุกคนที่ช่วงเวลาเกิดเหตุอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ทั้งหมด 24 คน เพื่อไปเปรียบเทียบสารพันธุกรรมที่พบจากร่างของน้อง 3 ขวบ

จากการรวบรวมพยานหลักฐานและการสอบปากคำพยานแวดล้อมจำนวน 38 ปาก พร้อมผลการตรวจสารพันธุกรรมจากเส้นผม เส้นขนและอสุจิที่พบจากตัวน้อง 3 ขวบ  ทางเจ้าหน้าที่ได้นำไปเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัยพบว่าเป็นของบุคคลเดียวกันและคราบโคลนที่ติดขากางเกง ก็เป็นดินจากบริเวณที่เกิดเหตุ จึงทำให้น่าเชื่อว่า นายมะยาการียา เป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้

และจากการที่ตำรวจได้ซักถามนายมะยาการียา ผู้ต้องหาได้ให้การว่า ในวันเกิดเหตุอยู่ใกล้กับบริเวณเกิดเหตุจริงแต่เป็นบริเวณบ้านของแม่ตัวเอง และในวันเกิดเหตุได้ใส่เสื้อสีขาวกางเกงยีนส์แต่ตัวนายมะยาการียาเอง ให้การวกวนโดยเฉพาะในห้วงเวลาที่เกิดเหตุ

และในการสอบถามเชิงลึก ได้ความว่านายมะยาการียา ได้หย่าร้างกับครอบครัวไปนาน เป็นบุคคลว่างงาน และมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทุกๆ ครั้งที่ได้เสพยาเสพติดนั้นจะมีความต้องการทางเพศสูง และผู้ต้องหาพยายามอ้างพยานต่างๆ เพื่อมายืนยันว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในจุดที่เด็กหายตัวไป ตำรวจจึงได้ทำการพิสูจน์พยาน แต่พยานที่ถูกสอบสวนให้ข้อมูลมาไม่ตรงกัน

จากการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล นิติวิทยาศาสตร์ พฤติการณ์และพฤติกรรมทั้งหมดในคดีนี้ จึงเชื่อหรือน่าจะสมควรเชื่อได้ว่า นายมะยาการียาเป็นผู้ก่อเหตุ

พนักงานสอบสวน สภ. ตันหยง จึงขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนราธิวาส โดยสามารถติดตามและจับกุมตัว นายมะยาการียา ชายวัย 46 ปีในความผิดฐาน พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร , ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย และนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี

โดยทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผล.ตร. กล่าวถึงคดีนี้ว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญที่เป็นที่สนใจของประชาชน เนื่องจากผู้ต้องหามีความอุกอาจในการอุ้มลักพาตัวเด็กหญิง ไปที่ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศก่อนฆาตกรรม เบื้องต้นได้กำชับให้มีการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาวัตถุพยานโดยละเอียด และให้นำเอกสารพันธุกรรมจากผู้ต้องสงสัยที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุในช่วงเวลาดังกล่าวมาเพื่อเปรียบเทียบ ซึ่งตรวจพบเส้นผม เส้นขนและคราบอสุจิจากผู้ตาย รวมทั้งเศษดินโคลนซึ่งพบจากเสื้อผ้าของผู้ก่อเหตุ

จึงทำให้ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุคดีนี้ได้ พร้อมฝากให้พี่น้องประชาชนช่วยกันดูแลบุตรหลานและเป็นหูเป็นตา เพื่อไม่ให้คนร้ายเหล่านี้มีโอกาสที่จะก่อเหตุสะเทือนขวัญเช่นนี้อีก

ทางด้านครอบครัวของน้อง 3 ขวบ ก็ได้เดินทางมาขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยตามตัวคนร้าย ขอเอาผิดและลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด