บิ๊กโจ๊ก เผย ศาลให้ออกหมายเรียกทนายก่อน ยืนยัน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าของคดี แอมไซยาไนด์ ว่า จนถึงขณะนี้ ตร.ได้ขอหมายเรียกทนายคนสนิทของแอม เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ในวันอังคารที่ 30 พ.ค. นี้ ถ้ายังไม่มา ก็จะต้องมีการออกหมายจับต่อไป โดยย้ำว่า ทุกอย่างอยู่บนกระบวนการทางกฏหมาย เพราะ ตร.ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ทุกอย่างดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่า สุดท้ายแล้ว การสารภาพจะเกิดขึ้นเอง ด้วยการจำนนต่อหลักฐาน

ตอนนี้ในทางคดี มีข้อสรุปเกือบทั้งหมดแล้ว ยังเหลือเรื่องวของเส้นทางการเงินอีกนิดหน่อย รวมทั้งต้องดูว่า จะมีการดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆเพิ่มอีกหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการได้รวดเร็ว รอบคอบ และเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจไหมที่จะมีการฟ้องร้องจากทางแอม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  ตอบว่า ไม่รู้สึกหนักใจ เขามีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องใดๆได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล เชื่อ ศาลให้ความเป็นธรรม ส่วนการฟ้องร้อง นายรพี ชำนาญเรือ ในข้อหาหมิ่นประมาทนั้น เชื่อว่า ศาลจะให้ความเป็นธรรมกับนายรพีได้แน่นอน เพราะเป็นการช่วยเหลือผู้เสียหาย และไม่ได้เรียกรับเงินแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมศาลจึงสั่งให้ใช้หมายเรียก แทนที่จะเป็นหมายจับ ในกรณีของทนายคนสนิทของแอมนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปกติถ้าศาลจะยกคำร้องในการขอออกหมายจับ ก็จะเป็นเพราะไม่มีหลักฐานพอ แต่คดีนี้ศาลไม่ได้ยกคำร้องจากสาเหตุหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ศาลบอกว่า การออกหมายจับจะดูไม่เป็นธรรม เพราะในกรณีของรองออฟ อดีตสามีของ แอม มีความผิดในข้อหาเดียวกัน และบทลงโทษเท่ากัน แต่ศาลก็สั่งให้ออกเป็นหมายเรียก เพราะไม่มีพฤติการณ์เสี่ยงจะหลบหนี หรือจะเข้าไปยุ่างเหยิงกับพยาน ในกรณีของทนายนั้น ศาลจึงสั่งว่า ให้ออกหมายเรียกแทนหมายจับ จะได้เท่ากับในเคสของ รองออฟ อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ต้องมารับทราบข้อกล่าวหาอยู่ดี

ส่วนของผู้ที่ถูกฟ้องร้องในคดีนี้ ทางตร.จะเอาข้อมูลมาดูแล้วก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้ ถ้ามีการแจ้งข้อหาแล้วก็ต้องว่ากันตามความจริง ส่วนของพยานก็จะเข้าไปดูแลทั้งหมด กรณีของนายรพี ทางตนเองก็ตั้งทนายให้

ส่วนจะให้ประกันตัวทนายหรือไม่นั้น จะต้องหารือกันอีกครั้ง ยืนยัน จะให้ความเป็นธรรมที่สุด กับทุกๆฝ่าย