ความบอบช้ำทั้งจิตใจและร่างกายของเด็กหญิงคนหนึ่ง ถูกเพื่อนชายกระทำอานาจาร จนกลายเป็นบาดแผล… เปรียบเสมือนผ้าขาวที่เปื้อนสี
เรื่องราวนี้ เกิดขึ้นกับ น้องหนึ่ง วัย 13 ปี น้องถูกเพื่อนนักเรียนชาย ที่อยู่ร่วมห้องเดียวกัน 3 คน ลวนลามกระทำอนาจารตั้งแต่ปลายปี 65 หรือประมาณช่วง ม.1 เทอม 2
น้องหนึ่งถูกเพื่อนชายอนาจารมาตลอดเกือบ 2 ปี โดยที่เพื่อนในห้องก็รู้เห็นแต่กลับไม่มีใครช่วยเหลือเธอเลย แถมยังซ้ำเติมน้องด้วยการบูลลี่ จนน้องไม่อยากไปยังโรงเรียน เพราะอับอายกลัวว่าเพื่อนๆ จะถ่ายคลิปในขณะเกิดเหตุเอาไว้
กระทั่งเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 67 น้องหนึ่งก็ถูกเพื่อนชายกระทำการอนาจารอีกภายในห้องเรียน มีเพื่อนเห็นเหตุการณ์แต่ไม่มีใครช่วย ซ้ำบางคนก็ยุงยงให้ทำอีก ที่ผ่านมา น้องหนึ่ง ไม่กล้าฟ้องครู หรือบอกแม่ ได้แต่ปิดปากเงียบมาโดยตลอด
จนท้ายที่สุด น้องกลัวว่าจะถูกกลุ่มเพื่อนรังแกซ้ำอีก จึงตัดสินใจเล่าให้แม่ฟัง
แม่จึงได้พาลูกสาวไปพบครูประจำชั้นและครูฝ่ายปกครอง เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 67 ซึ่งครูฝ่ายปกครองบอกว่าจะสอบสวน เด็กชายทั้ง 3 คนที่ก่อเหตุ และจะแจ้งความคืบหน้าให้แม่ทราบ แต่ผ่านมา 9 วัน ยังไม่มีความคืบหน้า ซ้ำร้าย ครูที่โรงเรียนได้โทรศัพท์มาหาแม่ว่า…
“ทำไมแม่ต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กนิดเดียว แค่เด็กนักเรียนชายเล่นกัน เด็กโดนจับนมแค่นี้ แม่ร้อนเงินเหรอ”
นี่หรือคือคำตอบของคนเป็นครู?
หัวอกแม่สุดจะรับไหว ลูกต้องบอบช้ำไม่กล้าสู้หน้าเพื่อน ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะอับอาย คนเป็นแม่ต้องการเรียกร้องศักดิ์ศรี และความเป็นธรรมคืนให้ลูกจึงตัดสินใจมาร้องทุกข์กับ มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี
19 ม.ค. 67 นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 44 ปี แม่ของน้องหนึ่งเดินทางมาจาก จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อขอความช่วยเหลือกับทางมูลนิธิปวีณา และได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับ นางปวีณา หงสกุล ทราบ
นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เด็กนักเรียนหญิงถูกกระทำการลวนลาม อนาจารจากกลุ่มเด็กนักเรียนชาย และเด็กถูกก็ถูกเพื่อนบูลลี่จนไม่กล้าไปโรงเรียน เมื่อทางโรงเรียนหรือครูทราบเรื่องต้องดำเนินการช่วยเหลือทันที เรื่องนี้เป็นเรื่องหญิงชายที่มีสิทธิเท่าเทียม ต้องอบรมเด็กให้รู้ถูกผิด รู้จักให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ ให้เกียรติเพศแม่ และต้องแจ้งให้พ่อแม่ผู้ปกครองของกลุ่มเด็กชายรับทราบด้วย หลังรับเรื่อง นางปวีณาได้ประสาน ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. มารับเรื่องเพื่อให้การช่วยเหลือและหามาตรการป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกกับเด็กนักเรียนทุกคนทันที
ด้าน ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. กล่าวว่า เรื่องนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาตรวจสอบ กรณีเด็กที่มีปัญหาสามารถเรียนที่บ้านได้ หรือ หากต้องการย้ายโรงเรียนทาง สพฐ. จะดำเนินการให้ ทั้งนี้อยากให้พ่อแม่มั่นใจทาง สพฐ. อยากให้เกิดความปลอดภัยกับนักเรียนทุกคนและจะช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
หรือโรงเรียนจะไม่ใช่ที่ปลอดภัยของเด็กๆ ?
เพราะนอกจากกรณีของ น้องหนึ่งแล้ว
ที่ จ.สงขลา แม่ได้ร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณา ว่าลูกสาว อายุ 13 ปี ถูกนักเรียนชายรุ่นพี่ ม.3 อายุ 15 ปี ล่อลวงไปข่มขืนในห้องน้ำของโรงเรียน และมีการถ่ายคลิปส่งให้กันในกลุ่มนักเรียน นอกจากนี้ลูกสาวยังถูกกลุ่มเพื่อนนักเรียนหญิงทำร้ายร่างกาย สาเหตุเพราะไม่พอใจที่ลูกสาวไม่ยอมเสียบปลั๊กที่หนีบผมให้เพื่อนและรุมทำร้ายภายในห้องน้ำโรงเรียน
ซึ่งกรณีรุ่นพี่ข่มขืนภายในห้องน้ำโรงเรียน แม่มีการแจ้งความแล้ว และมีความประสงค์ขอช่วยย้ายโรงเรียนให้ลูก ซึ่งเรื่องนี้นางปวีณา ได้ประสาน กระทรวงศึกษาธิการให้การช่วยเหลือ และหามาตรการไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ส่วนอีกเคส ก็เป็นเคสหดหู่ใจเช่นเดียวกัน เมื่อมีพลเมือดีแจ้งมาทางมูลนิธิว่า ด.ญ.อายุ 12 ปี ไม่ได้เรียนหนังสือ ถูกพ่อเลี้ยงอายุ 50 ปี ที่เพิ่งพ้นโทษออกจากคุกในคดีพยายามฆ่าภรรยาเก่า เมาสุราข่มขืนกระทำชำเรามานานเกือบปี
และเมื่อ 2 เดือนก่อน เด็กก็ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายจนฟันหัก 2 ซี่ แม่แท้ๆ ที่อยู่ด้วยกันทราบเรื่องแต่ไม่สามารถช่วยเหลือลูกได้เพราะตัวเองก็ถูกทำร้ายเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีลูกสาวคนเล็ก อายุ 6 ขวบ อีกคนที่คาดว่าจะถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนกระทำด้วย เหตุเกิดในพื้นที่จังหวัดแห่งหนึ่งของภาคกลาง ซึ่งเรื่องนี้ นางปวีณา ได้เร่งหาทางช่วยเหลือเด็กพร้อมฟื้นฟูสภาพจิตใจ และประสานกระทรวงศึกษาธิการให้เด็กได้เรียนหนังสือต่อไป
ได้แต่หวังว่าสักวัน… จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
จะต้องไม่มีใครต้องตกเป็น “เหยื่อ” อีกแล้ว…