ม.2 ร้องสื่อ เพื่อนโดนมอมเหล้าลวงข่มขืน คดีไม่คืบหน้า!

เพื่อนร่วมห้องสุดทน ออกมาร้องสื่อ เพื่อนโดนมอมเหล้าลวงข่มขืน แจ้งความ 1 เดือนคดีไม่มีคืบหน้า

เพื่อนนักเรียนสุดทน ร้องสื่อ เพื่อนร่วมห้องถูกลวงข่มขืน แจ้งความไป 1 เดือนคดีไม่คืบ!

เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (5 เม.ย. 66) มีกลุ่มเพื่อนเด็กนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ติดต่อมายังทีมข่าวอีจันในพื้นที่ให้ช่วยติดตามคดีของ น้องบี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เพื่อนนักเรียนห้องเดียวกัน ซึ่งถูกนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ลวงไปข่มขืนในรีสอร์ทแถวบ้าน ตั้งแต่คืนวันที่ 5 มีนาคม จนถึงปัจจุบันผ่านมา 1 เดือนคดียังไม่คืบหน้า ซ้ำร้ายญาติต้องเป็นคนประสานงานติดต่อประสานเรื่องผลตรวจร่างกายและติดตามผู้ก่อเหตุเอง

หลังรับเรื่องทีมข่าวได้ติดต่อไปยังแม่ของ แม่น้องบี อายุ 39 ปี แล้วจึงพาครอบครัวผู้เสียหายเข้าไปพบ นายชนันนัทธ์ ธนภัทร์จิระโชติ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

แม่น้องบีเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงคืนวันที่ 5 มีนาคม ตนและครอบครัวรวมถึงน้องบีนั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน แล้วน้องบีก็ขอตัวขึ้นไปนอน กระทั่งช่วงกลางดึก พี่ชายน้องบีกลับเข้าไปในบ้าน เห็นประตูห้องนอนของน้องบีเปิดอยู่ แต่กลับไม่เจอน้องบีอยู่ในห้อง จึงได้ลงมาบอกตนกับสามีว่า น้องบีหายไป

ตนจึงได้โทรศัพท์ไปหาลูกสาว หรือน้องบี แต่ไม่มีคนรับสาย ถามเพื่อนที่สนิทกันก็ไม่มีใครทราบว่าไปไหน

ตี1 ของวันที่ 6 มีนาคม 

แม่ยังคงโทรศัพท์หาลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

น้องบีรับสาย… บอกแม่ กำลังกลับบ้าน 

ตนจึงยืนรอน้องบีอยู่หน้าบ้าน กระทั่งได้ยินเสียงรถกระบะขับเข้ามาจอดบริเวณหลังบ้าน จึงรีบออกไปดูว่าใครที่มาส่งลูก แต่ก็ไม่ทันได้เห็น   

เอนได้เจอหน้าลูกก็ไม่ได้ถามความอะไร เพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว ตื่นเช้ามาตนก็ไปทำงานตามปกติ จนช่วงเย็นที่ตนกลับมาบ้าน สังเกตเห็นว่าที่บริเวณคอของลูกสาวมีรอยช้ำแดงจึงเค้นถาม จนรู้ความว่า ลูกสาวถูกผู้ชายที่รู้จักทางโซเชียลลวงไปข่มขืน!

ตนตกใจจึงได้รีบพาลูกสาวไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เดชอุดม พนักงานสอบสวนได้สอบถามเบื้องต้นแล้วส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้เรียกตนไปสอบปากคำในฐานะพยานแล้วบอกให้รอผลตรวจร่างกายจากแพทย์ และเวลาก็ล่วงผ่านมา 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี ทำให้ตนรู้สึกไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม เพราะ 1 เดือนที่ผ่านมาตนเองและครอบครัวต้องเป็นคนเดินเรื่องตามผลการตรวจร่างกายตลอดแม้แต่ตัวผู้ก่อเหตุ ครอบครัวก็ต้องเป็นคนติดตามมาพบพนักงานสอบสวน

แม่น้องบียังเล่าอีกว่า พยานหลักฐาน ทั้งเสื้อผ้าชุดชั้นในของลูกสาวที่เปื้อนเลือด คราบอสุจิของผู้ก่อเหตุ ทางพนักงานสอบสวนก็ไม่เก็บไปส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ บอกให้ครอบครัวเก็บเอาไว้เอง ตนมองว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากญาติทางผู้ก่อเหตุมีทั้งทนาย เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและตำรวจ ที่ผ่านมากังวลใจแต่ก็ไม่ได้บอกใคร จนเพื่อนของลูกสาวติดต่อไปหาผู้สื่อข่าวในพื้นที่ให้ช่วยติดตามคดี

ด้านน้องบีเล่า ตนกับนายเอ หรือผู้ก่อเหตุ ได้มีการพูดคุยกันทางเฟซบุ๊กมาประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้าจะคุยกันนายเอเคยมาซื้อของที่บ้านเป็นประจำ พอได้คุยกันนายเอก็ชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวในตัวอำเภอ แต่ก่อนจะไปนายเอขอไปงานเลี้ยงผูกแขนลูกชายเพื่อนก่อน ตนจึงนั่งรอที่รถ ประมาณ 10 นาที นายเอก็เอาเบียร์ใส่แก้วมาให้ตนดื่ม ตนได้พยายามปฏิเสธที่จะไม่ดื่ม แต่นายเอก็อ้างว่าถ้าไม่ดื่มก็จะไม่พากลับบ้าน ตนจึงจำเป็นต้องดื่มเบียร์ไป 4 แก้ว ทำให้ตนรู้สึกเวียนหัว   

นายเอจึงบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปเปิดรีสอร์ทนอน แต่ตนก็พยายามบอกให้ไปส่งที่บ้านแต่ไม่เป็นผล นายเอพาตนเข้ารีสอร์ท 

โดยที่รีสอร์ทมีพนักงานมาเปิดห้องให้ แต่ตนไม่สามารถที่จะร้องขอความช่วยเหลือได้เนื่องนายเอบีบแขนเอาไว้ ตนไม่มีแรงที่จะต่อสู้ นายเอพาเข้าไปในห้องขืนใจจนสำเร็จความใคร่ก่อนจะเอายาให้ทาน 1 เม็ดแล้วนำมาส่งที่บ้าน

นายชนันนัทธ์ หัวหน้าบ้านพักเด็กฯ ได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสภาพร่างกาย จิตใจของน้องบีแล้ว พร้อมจัดทีมนักจิตวิทยาเข้าเยียวยาทางด้านจิตใจ ส่วนทางด้านคดีทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุบลราชธานี จะประสานกับทางตำรวจ และ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ดำเนินการควบคู่กันกับส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.เดชอุดม เผยความคืบหน้าทางคดีว่า ตอนนี้ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว แต่อาจจะขัดข้องตรงที่ไม่ได้มีการสื่อสารให้เข้าใจระหว่างผู้เสียหายกับพนักงานสอบสวน ซึ่งตนได้พูดคุยชี้แจงกับทางผู้ปกคองแล้ว เบื้องต้นภายในวันนี้จะต้องติดตามนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ หากไม่มาพรุ่งนี้จะออกหมายจับ ไม่ต้องรอผลตรวจ!

คลิปแนะนำอีจัน
ส่วยรถบรรทุก สิทธิเหนือกฎหมาย