บิ๊กโจ๊ก คัมแบ็ค! ลากไส้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้ไทยบังหน้า หลอกเหยื่อ

ลุยสางคดีใหญ่! บิ๊กโจ๊ก คัมแบ็ค! ลากไส้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไต้หวัน-ญี่ปุ่น ใช้ไทยบังหน้า หลอกเหยื่อ ประเทศเดียวกัน

บิ๊กโจ๊ก คัมแบ็ค ลุยสางคดีใหญ่!

วันนี้ 8 พ.ย. 66 ที่ สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.นนทบุรี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย ตำรวจตรวจค้นเข้าเมือง แถลง 2 คดีใหญ่ ระดับประเทศ

คดีแรก รวบขบวนการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไต้หวัน-ญี่ปุ่น ใช้ประเทศไทย เป็นฐานทัพหลอกเหยื่อ ประเทศเดียวกัน

คดีนี้สืบสืบเนื่องจาก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการประสานจากตำรวจไต้หวันและญี่ปุ่น ว่ามีขบวนการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ในประเทศไทย

โดยมี “คนไต้หวัน” ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม และมีคน ”คนญี่ปุ่น” ทำหน้าที่เป็นพนักงาน อยู่ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง 3 หลัง ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพิ่งมาเช่าอยู่ 1 ปีกว่า

สำหรับ พฤติกรรมการกระทำความผิด พนักงานคนญี่ปุ่นจะอ้างเป็นตำรวจ หรือ เจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อหลอกคนญี่ปุ่นด้วยกันเอง

โดยใช้ระบบ Al โทรหลอกคนญี่ปุ่น อ้างว่า มียอดค้างชำระ หลังจากนั้นจะทำทีโอนสายส่งตอให้ เจ้าหน้าที่ธนาคาร และส่งต่อไปให้ เจ้าหน้าที่ล้างหนี้ ทำเป็นขบวนการ ให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินในที่สุด

นอกจากนี้ ขบวนการนี้ยังรับหน้าที่จัดหาคนญี่ปุ่น หลอกให้เข้ามาทำงาน เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศไทย โดยจะส่งข้อความชักชวน ผ่านระบบ VOIP ไปยังคนญี่ปุ่น ในประเทศญี่ปุ่น

นำมาสู่ปฏิบัติการลากไส้ แก๊งคอลคอลเซ็นเตอร์ ไต้หวัน – ญี่ปุ่น

ชุดสืบสวนขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจค้นฐานทัพ แก๊งคอลคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร พบผู้ต้อง 3 ราย

1. นายเหอ (นามสมมุติ) รองหัวหน้าทีม อายุ 40 ปี สัญชาติไต้หวัน เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 66 ประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว 60 วัน อนุญาตให้อยู่ราชอาณาจักรชั่วคราว จนถึงวันที่ 1 ก.ค. 66

2. นายเฉิน (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี สัญชาติไต้หวัน เดินทางเข้ามาประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 66 ประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว 60 วัน อนุญาตให้อยู่ราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด

3. นายไดซูเกะ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี สัญชาติญี่ปุ่น เดินทางเข้ามาประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 66 ได้รับการยกเว้นวีซ่า ประเภท ผ.30 อนุญาตให้อยู่ราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด

จากการตรวจค้นบ้าน เจอโทรศัพท์ 11 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง บัตรกดเงินสด บัตรเครดิต 5 ใบ และสคริปต์บทสนทนา ที่ใช้ในการพูดคุยกับผู้เสียหาย และแบบฟอร์มกรอกข้อมูลผู้เสียหาย ฉบับภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น จำนวนหลายชุด

ทางชุดสืบสวนเสนอให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพิกถอนการอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรของ นายเฉิน และ นายไดซูเกะ เนื่องจากมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายและความสงบสุข

จากการสืบสวนขยายผล พบว่า หัวหน้าขบวนการนี้เป็นคนไต้หวัน สั่งการมาจากประเทศไต้หวัน โดยมีนายเหอ เป็นรองหัวหน้า ทำหน้าที่จัดหาบัญชีมา และควบคุมพนักงานชาวญี่ปุ่น ทำหน้าที่เป็นคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงร่วมประสานจัดหาคนญี่ปุ่น เข้ามาทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์

นอกจากนี้ ยังพบผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือ นายทาโร่ สัญชาติญี่ปุ่น ทำหน้าที่จัดหาคนญี่ปุ่น มาทำคอลเซ็นเตอร์ ได้หลบหนีไปอยู่ จ.กระบี่

จากข้อมูลพบว่า นายทาโร่ เดินทางเข้ามาประเทศไทยล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 66 การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ทางชุดสืบสวนเสนอให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพิกถอนการอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรของ นายทาโร่ ด้วยเช่นกัน

แต่สุดท้ายหนีไม่รอด ตำรวจสามารถติดตามจับตัว นายทาโร่

ทางด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร เผยว่า ทางญี่ปุ่นได้ประเมินในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา พบว่า มีคนญี่ปุ่นตกเป็นผู้เสียหายกว่า 17,500 ราย มูลค่าความเสียหาย กว่า 9,500 กว่าล้าน อยู่ระหว่างขยายผลว่า ขบวนการนี้ สร้างความเสียหายเท่าไหร่

ตอนนี้ ผมจะตรวจสอบ “หมายแดง” จากประเทศต่างๆ ที่ส่งมายังประเทศไทย เพื่อไล่ล่าผู้กระทำความผิด ไม่ให้ใช้ประเทศไทย เป็นฐานทัพทำผิดกฎหมาย หรือ ฟอกเงิน

ช่วงนี้ แก๊งคอลคอลเซ็นเตอร์ อาละวาดหนัก อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
ป้าน้อย Tattoo รอยสัก และคราบน้ำตา