ทนายตัดพ้อ! เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมกับบิลลี่ เรื่องนี้ยื่นอุทรธ์แน่

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเบื้องต้น ปรากฏว่านายชัยวัฒน์ รอดคดีบิลลี่ แต่ไม่รอด 157 ฝั่งทนายตัดพ้อ ทำเต็มที่แล้ว แต่มันไม่ยุติธรรม ยืนยันจะยื่นอุทรธ์แน่นอน

วันนี้ 28 ก.ย. 66 หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเบื้องต้น เห็นว่า จำเลย 2-4 ยกฟ้องทุกข้อหา ส่วนนายชัยวัฒน์ โดนแจ้งเพียงความผิด ม.157 เนื่องจากไม่ทำบันทึกจับกุมบิลลี่ แต่กลับปล่อยตัวลงระหว่างทาง ศาลตัดสินสั่งจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา

ซึ่งต่อมาตัวนายชัยวัฒน์ ได้ขอยื่นการประกันตัวในวงเงินจำนวน 8 แสนบาท ตอนนี้ศาลอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ทางด้านของ นางมึนอ ภรรยาของนายบิลลี่ พร้อมด้วยทนายพรเพ็ญ และทนายร่วมอีกคน ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยทนายพรเพ็ญบอกว่า วันนี้มาฟังคำพิพากษาศาลอาญาทุจริต ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นทุกฝ่ายมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ 

ทนายบอกต่ออีกว่า ในวันนี้มีทั้งหมดห้าประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องของคดี ศาลสั่งลงโทษเพียงจำเลยที่หนึ่งข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ในกรณีที่จับกุมควบคุมตัวในบิลลี่ พอลจี รักจงเจริญ พร้อมน้ำผึ้งป่า ที่เป็นสิ่งของต้องห้ามผิดกฎหมาย แล้วไม่นำตัวส่งพนักงานสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้อง ถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งกฏหมายบ้านเมือง และกฏหมายอุทยาน ศาลสั่งลงโทษจำคุก 3 ปีไม่รอลงอาญา

ทั้งนี้ในส่วนข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ ควบคุมตัวกักขังหนุ่มเหนี่ยวทำให้เสียชีวิต มีเจตนาฆ่า รวมถึงการอำพรางศพ ศาลก็ยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ยังจะสู้คดีนี้อยู่หรือไม่ ทนายบอกว่า โดยเนื้อหาแล้ว บิลลี่ปัจจุบันนี้ตามคำสั่งของศาล ก็คือยังเป็นบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐจัดทำให้สูญหายตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2557 ยังเป็นการกระทำความผิดทางกฎหมายอยู่ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อครอบครัวและชุมชน

ซึ่งปัจจุบันเท่ากับว่าทุกอย่างกลับไปอยู่ที่เดิม คือบิลลี่กลายเป็นบุคคลที่สูญหาย ความรับผิดชอบยังคงอยู่โดยรัฐ ในปัจจุบันศาลไม่เชื่อบิลลี่เสียชีวิตแล้ว ความรับผิดชอบนี้ก็กลับไปที่รัฐบาล ที่จะต้องรับผิดชอบกับชุมชนและครอบครัวของบิลลี่ เพราะว่าจับกุมแล้ว ไม่นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สุดท้าย บิลลี่หายไปไหน ?

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในฐานะที่เราเป็นฝ่ายโจทย์ เราจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ในคดีนี้ ทนายพรเพ็ญบอกว่า เราเป็นชาวบ้านเราเป็นทนายโจทย์ร่วม สรรพกำลังต่างๆ คงจะมอบหมายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีทุกอย่างอยู่ในมือ รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันเอง ที่กระทำความผิดต่อประชาชน แม้ว่าศาลจะเชื่อเป็นการกระทำความผิดเพียงเล็กน้อย ละเว้นปฏิบัติหน้าที่แต่ผลลัพธ์มันยิ่งใหญ่มากกับครอบครัวและชุมชน  

ในส่วนของความรู้สึกตอนนี้ทนายบอกว่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องบันทึกไว้ ว่าญาติของคนสูญหาย ต้องเผชิญกับ ความรู้สึกเช่นนี้ วันนึงหาย อีกวันหนึ่งตาย ไม่มีใครรับผิดชอบต่อการหายไป คนในชุมชนหวาดกลัว เจ้าหน้าที่รัฐที่ตกเป็นจำเลย แต่ก็ยังทำงานตามปกติ โดยที่ไม่ได้มีการแต่งต่างเลยตั้งแต่วันเกิดเหตุ

ทนายยังบอกเพิ่มอีกว่า อาชญากรนั้นมีอยู่ทั่วไป แต่อาชญากรที่มีอำนาจหน้าที่มากและสามารถปกปิดพยานหลักฐานได้ แล้วเราทำได้แค่นี้ เราก็ทำได้เต็มที่สุดแล้ว จนมาถึงวันนี้ โดยนางมึนอ ภรรยาของบิลลี่ก็เผยกับทีมข่าวสั้นๆว่า อยากรู้ว่าบิลลี่หายไปไหน ไม่มีความจริงเลย ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปเชื่อ

ท้ายนี้ในส่วนของ ทนายปรีดา นาคผิว ทนายโจทก์ร่วมที่ 1 บอกว่า ในเรื่องของพนักงานสอบสวน ศาลก็มีการดำเนินการพิจารณามาโดยชอบแล้ว เพราะฉนั้นพยานหลักฐานทั้งหมด ที่มี ตั้งแต่ชั้นตำรวจและดีเอสไอ ทั้งหลายนั้น อยู่ในสำนวนทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่า เรื่องนี้จะยื่นอุทรธ์แน่นอน