ครม. อนุมัติ ผ่านร่างกฎหมาย ยกเว้นภาษี มูลค่าเพิ่ม สินทรัพย์ดิจิทัล

ครม. อนุมัติ ผ่านร่างกฎหมาย ยกเว้นภาษี มูลค่าเพิ่มซื้อขาย สินทรัพย์ดิจิทัล ถึงสิ้นปี 66

สำหรับความคืบหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล ที่หลายคนต่างรอลุ้นตอนนี้เป็นที่ชัดเจน แล้วหลังร่างกฎหมาย มาตรการบรรเทาภาระภาษี ได้รับไฟเขียวจากครม.อนุมัติเป็นที่เรียบร้อย

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2565 ผลการประชุม ครม. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง

คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบหลักการมาตรการบรรเทาภาระภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (Exchange) และการโอนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งอนุญาตให้หักผลขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลใน Exchange ออกจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลใน Exchange ได้

“ ประเด็นนี้จะทำให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนในประเทศไทยเกิดขึ้นใน Exchange ของประเทศไทยซึ่งมีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากอยู่ในการกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและทำให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินในอนาคตที่พร้อมสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล ”

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร ได้ให้ความสำคัญแก่การส่งเสริมอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินในอนาคตที่พร้อมสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลจึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

จำนวน 2 ฉบับ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลใน Exchange และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยตามโครงการพัฒนาและทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับการใช้งานภาคประชาชน โดยมีหลักการสรุปตามนี้

1. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลใน Exchangeทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566


2. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (Retail CBDC) ตามโครงการพัฒนาและทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับการใช้งานภาคประชาชน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ทั้งนี้ เฉพาะผลประโยชน์และผลขาดทุนจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลใน Exchange ตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับ (14 พฤษภาคม 2561) เป็นต้นไป

ซึ่งการบรรเทาภาระภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น จะช่วยให้ผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และได้รับความเป็นธรรมในการเสียภาษีมากขึ้น รวมทั้งช่วยให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนที่เกิดขึ้นใน Exchange ของประเทศไทย มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และให้ประชาชนได้มีทางเลือกในการใช้เงินดิจิทัลในอนาคตต่อไป

ขณะที่ด้านดร. รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาลโพสต์บนเฟซบุ๊กว่า สืบเนื่องจากพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ได้กำหนดให้ “คริปโทเคอร์เรนซี” และ “โทเคนดิจิทัล” ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นใด หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

โดยการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) มีปริมาณและความถี่มาก มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนตลอดเวลา และผู้ลงทุนไม่สามารถนำผลขาดทุนมาคำนวณออกจากกำไรจากการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ทำให้ผู้ลงทุนไม่สามารถแสดงรายได้ที่แท้จริง รวมถึงผู้ขายมีทั้งที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน ทำให้ยากต่อการแสดงราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงเป็นข้อจำกัดในการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม

คลิปแนะนำอีจัน
ทั้งซึ้ง ทั้งฮา! ครูสาว ลุยโคลน เยี่ยม นร.ติดโควิด