
จากกรณีพนักงานธนาคารสนับสนุนการเปิดบัญชีที่ใช้ในการกระทำผิดของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ และสามารถขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นได้อีกหลายราย เมื่อวันพุธที่ 21 พ.ค.68 นั้น
วันนี้ (23 พ.ค. 68) นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้สั่งการให้ธนาคารดังกล่าวเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงรายละเอียดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
เนื่องจากในกรณีชาวต่างชาติมีความประสงค์จะเปิดบัญชีในประเทศไทย ธปท. กำหนดให้ธนาคารต้องมีกระบวนการพิจารณาเอกสารการระบุตัวตนและพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าอย่างรัดกุม หากไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ธนาคารต้องแก้ไขในทันที
นอกจากนี้ หากพบว่าพนักงานของธนาคารมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าว ธนาคารต้องลงโทษขั้นเด็ดขาด
ทั้งนี้ ธปท. และสำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกทางหนึ่ง หากพบการดำเนินการที่ขัดกับข้อกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ของ ธปท. ทางการจะดำเนินการทางกฎหมายกับธนาคารต่อไป
นอกจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางการเงิน ธปท. อยู่ระหว่างออกหลักเกณฑ์การบริหารจัดการภัยทุจริตดิจิทัล (Digital Fraud Management) ซึ่งครอบคลุมการยกระดับกระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC) และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (CDD)
โดยกำหนดให้ธนาคารตรวจสอบข้อมูลลูกค้าที่มาขอเปิดบัญชีจากฐานข้อมูลอื่นนอกเหนือจากเอกสารแสดงตัวตนที่ลูกค้านำมาให้ เช่น ต้องตรวจสอบชื่อกับฐานข้อมูลบัญชีม้าของสำนักงาน ปปง. และต้องประเมินความเสี่ยงที่ลูกค้าจะนำไปใช้บัญชีไปใช้เป็นบัญชีม้า
รวมถึงต้องจัดกลุ่มลูกค้าตามระดับความเสี่ยง (customer profiling) และใช้มาตรการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมกับกลุ่ม เช่น จำกัดวงเงินการทำธุรกรรมต่อวันให้เหมาะสม ลดเพดานวงเงินที่ต้องใช้การสแกนใบหน้าสำหรับบัญชีใหม่ เป็นต้น โดยการปรับปรุงหลักเกณฑ์คาดว่าจะบังคับใช้ในเดือนมิ.ย.นี้