
(วันนี้ 19 มิ.ย.68) ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชากลับมาปะทุอีกครั้ง หลังเหตุปะทะบริเวณชายแดน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จุดชนวนข้อพิพาทเขตแดนที่ยังไร้บทสรุป และเริ่มส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ โดยเฉพาะต่อการค้าชายแดนที่มีมูลค่ารวมเกือบ 2 แสนล้านบาทต่อปี
ฝ่ายกัมพูชาผลักดันให้นำเรื่องขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ขณะที่ไทยยืนยันใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อหาทางออกอย่างสันติ
เศรษฐกิจชายแดนที่เคยเติบโต กำลังเผชิญความไม่แน่นอน
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา การค้าชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 175,530 ล้านบาท โดยไทย ได้ดุลการค้าสูงถึง 109,163 ล้านบาท แสดงถึงความแข็งแกร่งของภาคส่งออกไทยในภูมิภาค
สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เครื่องดื่ม, อะไหล่และชิ้นส่วนยานยนต์, เครื่องยนต์, และเครื่องจักรกลการเกษตร คิดเป็นกว่า 30% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด
ขณะที่ สินค้านำเข้าสำคัญ จากกัมพูชา ได้แก่ มันสำปะหลัง, เศษโลหะ (อลูมิเนียม-ทองแดง) , ลวดสายไฟ ซึ่งมีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมรีไซเคิล อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารสัตว์ในไทย

จุดยุทธศาสตร์ชายแดน 3 ด่านหลัก ครองสัดส่วนการค้าเกิน 95%
ในจำนวนจุดผ่านแดนทั้งหมด 18 แห่ง ไทยมี 3 ด่านยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ครองมูลค่าการค้าสูงถึง 95.5% ได้แก่
1. ด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว – มูลค่าการค้า 110,718 ล้านบาท (63.4%)
2. ด่านศุลกากรคลองใหญ่ จ.ตราด – มูลค่า 29,289 ล้านบาท (16.8%)
3. ด่านศุลกากรจันทบุรี จ.จันทบุรี – มูลค่า 26,621 ล้านบาท (15.3%)
หากมีการปิดด่านเหล่านี้จากเหตุความขัดแย้ง การค้าชายแดนอาจถึงขั้น ชะงักงันโดยสมบูรณ์
แม้เดือนเมษายน 2568 การค้าชายแดนยังเติบโต โดยมีมูลค่ารวม 15,800 ล้านบาท (ส่งออก 12,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.94% / นำเข้า 3,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.28%) และไทยยังได้ดุลการค้า 8,490 ล้านบาท
ขณะที่ 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.–เม.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 64,612 ล้านบาท ไทยส่งออก 50,225 ล้านบาท และนำเข้า 14,387 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 35,838 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากความตึงเครียดยืดเยื้อเกิน 3 เดือน จะเริ่มกระทบธุรกิจรายย่อย โดยเฉพาะผู้ค้าชายแดน ร้านค้าท้องถิ่น ตลาดสินค้าข้ามแดน และหากยาวถึง 6-12 เดือน จะส่งผลต่อ ความเชื่อมั่นนักลงทุน และการวางแผนกระจายสินค้าในภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลกระทบทางอ้อม แรงงาน – โรงพยาบาล – ธุรกิจบริการ
ด่านชายแดนไม่เพียงเป็นช่องทางการค้า แต่ยังเป็นเส้นเลือดใหญ่ของบริการหลายด้าน โดยเฉพาะ ธุรกิจสถานพยาบาลเอกชน ที่รองรับผู้ป่วยจากกัมพูชาแรงงานกัมพูชา ที่ข้ามมาทำงานในไทยในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง เกษตร และบริการ ธุรกิจการท่องเที่ยว บริเวณชายแดนที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจากฝั่งกัมพูชา
การปิดด่านนานเกินไป ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ สมดุลทางเศรษฐกิจบนความไม่แน่นอนของการเมืองระหว่างประเทศ
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไม่ใช่แค่เรื่องของพรมแดน แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงทางเศรษฐกิจระดับฐานรากของประชาชนในพื้นที่ หากความขัดแย้งลากยาวโดยไม่มีช่องทางสื่อสารที่ชัดเจน เศรษฐกิจชายแดนที่เคยเฟื่องฟูอาจเข้าสู่ภาวะ “หายใจรวยริน”
การเลือกใช้ช่องทางทางการทูต การเจรจาระดับคณะกรรมการชายแดน และการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทั้งสองประเทศไม่อาจเพิกเฉย