ลุ้น! หยุดหรือไปต่อ แจกเงิน 1 หมื่น ดิจิทัลวอลเล็ต

จับตา! โครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท ดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องหยุดหรือไปต่อ หลัง ป.ป.ช. ฟันเศรษฐกิจไม่วิกฤตแค่ชะลอ พร้อมแนะแจกเงินให้กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน

ประเด็นนี้สังคมให้ความสนใจอันดับต้นๆ ของข่าวสารบ้านเมือง ณ เวลานี้

ดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาท นโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเข้ามาบริหารประเทศแล้วกว่า 4 เดือน

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยพยายามจะเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยบอกว่าเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขั้นวิกฤต ต้องแจกเงิน 1 หมื่นบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องรอความเห็นจาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

วานนี้ (7 ก.พ.67) ป.ป.ช.แถลงให้ความเห็นเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยแนะรัฐบาลถึง 4 จุดเสี่ยงต่อการทุจริต ว่า

1.ประเด็นความเสี่ยงต่อการทุจริต เช่น ความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย และความเสี่ยงต่อกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินจากโครงการ

2.ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ เช่น อัตราเติบโตเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงขั้น “วิกฤต” แค่ชะลอตัว ควรต้องพิจารณากลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริง เช่น กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน จึงอาจเป็นทางเลือกที่จะไม่ส่งผลกระทบทางการคลัง โดยเฉพาะดอกเบี้ยและสัดส่วนของหนี้สาธารณะได้มากกว่า

3.ความเสี่ยงด้านกฎหมาย เช่น รัฐบาลควรใช้ความระมัดระวังอย่างเคร่งครัดและรอบคอบภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายที่จะใช้อำนาจ รวมทั้งต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน

4. ประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง

นอกจากนี้ ป.ป.ช.ได้มีข้อเสนอแนะ 8 ข้อ ดังนี้

1. รัฐบาลควรศึกษา วิเคราะห์ การดำเนินโครงการตามนโยบายฯ รวมทั้งชี้แจงความชัดเจน อย่างเป็นรูปธรรม ว่าผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ จะไม่ตกแก่พรรคการเมือง นักการเมือง หรือเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บุคคลรายใดรายหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพมากกว่าผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายที่อาจเข้าข่ายการทุจริตเชิงนโยบาย รวมทั้งประชาชน ที่เข้าร่วมโครงการเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับประโยชน์จากการดำเนินโครงการของรัฐบาลอย่างแท้จริง เช่น เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย หรือกลุ่มเปราะบาง พร้อมกับต้องมีขั้นตอนและวิธีการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เพื่อให้สามารถกระจายการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

2. การหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และ พรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวนั้น มีความแตกต่างกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งควรดำเนินการตรวจสอบว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือไม่ มาประกอบการพิจารณาด้วย มิฉะนั้น จะเป็นบรรทัดฐานสำหรับพรรคการเมืองสามารถหาเสียงไว้อย่างไร เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้ว ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามที่ได้หาเสียงไว้

3. การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าและความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนผลกระทบ และภาระทางการเงิน การคลังในอนาคต ภายใต้หลักธรรมาภิบาล 4 ด้าน คือ ความโปร่งใส การถ่วงดุล การรักษาความมั่นคงของระบบการคลัง และความคล่องตัว ซึ่งรัฐบาลพึงต้องใช้ความระมัดระวัง พิจารณาระหว่างผลดี ผลเสียที่จะต้องกู้เงินจำนวน 500,000 ล้านบาท ในขณะที่ตัวทวีคูณทางการคลังมีเพียง 0.4 การกู้เงินจึงเป็นการสร้างภาระหนี้แก่รัฐบาลและประชาชนในระยะยาว ซึ่งจะต้องตั้งงบประมาณในการชำระหนี้จำนวนนี้เป็นระยะเวลา 4 – 5 ปี กระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ

4. การดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาประเด็นความเสี่ยงด้านกฎหมายอย่างรอบคอบ

5. คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีการประเมินความเสี่ยงในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet อย่างรอบด้าน โดยกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการบริหารความเสี่ยง และการป้องกันการทุจริต ตลอดจนมีกระบวนการในการตรวจสอบทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากการดำเนินโครงการ

6. ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้กับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสม ตลอดจนระยะเวลา และงบประมาณที่ต้องใช้ในการพัฒนาระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และระยะเวลาในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งเป็นการดำเนินโครงการแจกเงินเพียงครั้งเดียว โดยให้ใช้จ่ายภายใน 6 เดือน

7. จากข้อมูลภาวะเศรษฐกิจของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้จากการศึกษา และตัวทวีคูณทางการคลังรวมถึงตัวบ่งชี้ภาวะวิกฤตที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รวบรวมและประมวลข้อมูลจากงานศึกษาของธนาคารโลกและ IMF มีความเห็นตรงกันว่า ในช่วงเวลาที่ศึกษาอัตราความเจริญเติบโตของประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ เพียงแต่ชะลอตัวเท่านั้น

8. หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องการช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลควรช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจน ที่เปราะบาง ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้น

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลัง ป.ป.ช.แถลงว่า น้อมรับข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.ที่ให้ความเห็นต่อโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนเรื่องการทุจริตจะมีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่เพื่อแต่งตั้งคณะอนุกรรมการมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมของคณะกรรมการชุดใหญ่ก่อนแถลงข่าวเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

ติดตามกันต่อค่ะ ว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทจะเดินหน้าได้หรือไม่


คลิปอีจันแนะนำ

ตอบดราม่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท