ก.ล.ต.-ตลท. ยืนยัน ‘ชอร์ตเซล’ ไม่ใช่ต้นเหตุ ‘หุ้นไทยดิ่งหนัก’

หุ้นไทยดิ่งหนัก! ‘ก.ล.ต.-ตลท.’ ยืนยัน ‘ชอร์ตเซล’ ไม่ใช่ต้นเหตุ แต่เพราะวอลุ่มซื้อขายลดลง 30% ย้ำไม่ห้ามชอร์ตเซล ทำได้แบบมีเงื่อนไข

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงข่าวด่วน วันนี้ (9 พ.ย.66) เมื่อเวลา 17.00 น. เรื่อง “การติดตามสภาวะตลาดทุนร่วมกันระหว่าง ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ” เพื่อสร้างและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน

เนื่องจากสภาวะหุ้นในวันนี้ (9 พ.ย.66) การเคลื่อนไหวของหุ้นมีแนวโน้มลดลง เมื่อตลาดเปิดในช่วงเช้าที่ระดับ 1,411.77 จุด และปิดตลาดในช่วงเช้าที่ระดับ 1,393.56 จุด ลดลงอยู่ที่ 18.21 จุด หรือลดลง 1.29% โดยดัชนีมีค่าสูงสุดที่ระดับ 1,411.84 จุด และค่าต่ำสุดที่ระดับ 1,389.46 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งหมด 25,632.89 ล้านบาท นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ที่ตลาดหุ้นตกต่ำกว่าระดับ 1,400 จุด ในระยะเวลาเกือบ 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.66 ที่ผ่านมา

จึงเป็นที่พูดถึงว่า การทำชอร์ตเซลหุ้น คือ ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นไทยดิ่งลงอย่างหนัก ซึ่ง นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ปริมาณการชอร์ตเซลหุ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีสัดส่วนอยู่ที่ 5.6% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด ปีก่อนมีสัดส่วนอยู่ที่ 5.4% ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ติดตามข้อมูลตัวเลขดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ยังไม่พบข้อผิดปกติ

ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องออกมาตรการห้ามชอร์ตเซล และยังให้ทำชอร์ตเซลได้แบบมีเงื่อนไข ต้องไม่ต่ำกว่าราคาซื้อขายล่าสุด ไม่ได้ให้สามารถทำได้ทุกราคา ประกอบกับมีการสอบทานเป็นปกติ อย่างกรณีของเกาหลีใต้ ที่ได้สั่งห้ามชอร์ตเซล เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบการทำชอร์ตเซลที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนประเทศไทยเรามีการตรวจสอบและมีกฎหมายที่กำหนดว่าการทำชอร์ตเซลจะต้องมีหุ้นอยู่ก่อน เพื่อป้องกันการกระทำผิด และจะต้องมีหุ้นมาส่งมอบ ทำชอร์ตโดยไม่มีหุ้นไม่ได้

“มีหลายปัจจัยลบที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงลงไปอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยในอดีตเคยเป็นนักลงทุนระยะยาว แต่ปัจจัยโลกเปลี่ยนไป การเข้า-ออกเร็วขึ้น เป็นบทบาทที่เรจะต้องดึงเงินลงทุนต่างชาติให้อยู่ยาวขึ้น” นางพรอนงค์ กล่าว

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปริมาณชอร์ตเซลใน 2 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณเท่าเดิม แต่เนื่องจากปีนี้วอลุ่มการซื้อขายลดลง 30% จากปีก่อน ทำให้เปอร์เซ็นสูงขึ้นมาในระดับ 5.6% จากปีก่อน 5.4%

ขณะเดียวกัน ธุรกรรมที่เกิดจากการชอร์ตเซล ที่เกิดจากนักลงทุนต่างชาติไม่ได้มีส่วนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปมากเท่าที่ควร แต่จากการตรวจสอบพบว่า มีการทำธุรกรรมจากบุคคลบางกลุ่มที่ทำชอร์ตเซล และมีผลทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปมาก

ส่วนกรณีที่หุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เป็นคำถามที่ต้องดูว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ คือตัวชี้วัดเศรษฐกิจในประเทศ ถ้าต่างชาติมองว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ก็จะสะท้อนความต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศ

“เป็นเรื่องจริงที่ปีนี้ ตลาดของเราลงมากกว่าคนอื่น แต่ในขณะเดียวกัน หากมองย้อนหลังกลับไปปีที่แล้ว ตลาดเราก็คือตลาดที่ลงน้อยกว่าคนอื่นเหมือนกัน ดังนั้น เรื่องนี้คงต้องดูด้วยว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ตลาดของเราขึ้น ตลาดของเราไม่ขึ้นตลาดของเราลงน้อยกว่าคนอื่น ตลาดของเราลงมากกว่าคนอื่น ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ เราคงต้องมาช่วยกันวิเคราะห์ดูว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยบวก-ลบ ในแต่ละช่วง” นายภากร กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ปั่นป่วน! หุ้นไทยดิ่งเหว หลุด 1,400 จุด อีกครั้ง ในรอบ 3 สัปดาห์