คลัง ปิ๊งไอเดีย “นำรถเก่าแลกใหม่” ฟื้นยอดขายกระบะ

ปิ๊งไอเดีย! “คลัง” เล็งคุย “นอนแบงก์” ผุดมาตรการ “นำรถเก่า แลกใหม่” พร้อมให้โปรฯ “ลดภาษี” ดึงดูใจ หวังฟื้นยอดขาย ”กระบะ“ สกัดหนี้ครัวเรือนพุ่ง 1.2 ล้านล้าน

วันนี้ (23 มิ.ย.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือน ตามที่กระทรวงการคลัง ดำเนินมาตรการคุณสู้ เราช่วย เพื่อแก้ปัญหาหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ซึ่งไม่พรุ่งนี้ (24 มิ.ย.68) หรือสัปดาห์หน้าเป็นอย่างช้า จะมีการปรับเงื่อนไขโครงการคุณสู้ เราช่วย ให้ลูกหนี้เข้าโครงการมากขึ้น

สาเหตุที่ดำเนินการปรับเงื่อนไข เนื่องจากหนี้ที่มีอยู่ 1.2 ล้านล้านบาท เป็นส่วนที่ต่ำกว่า 1 แสนบาท อยู่ประมาณ 65-66% หรือเป็นหนี้เสียทั้งหมด 5 ล้านบัญชี แต่ 3 ล้านบัญชีมีหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท คิดเป็นมูลค่าหนี้ 1.23 แสนล้านบาท ถ้าแก้หนี้ต่ำกว่าได้จะเห็นตัวเลขลดลง

“วันนี้ได้ดำเนินการแล้วผู้ที่เข้าร่วมบางส่วนติด 2 ปัญหา คือ 1.ตามตัวไม่ได้ เมื่อเข้าโครงการธนาคารติดตามได้มากขึ้น 2.เงื่อนไขเข้าร่วมโครงการไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มไม่ได้หลายปี”นายพิชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม  ขณะนี้อยู่ในช่วงขยายระยะเวลาให้กว้างขึ้น เช่น มาตรการจ่าย ปิด จบ ช่วยลดภาระหนี้เสีย แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพียง 10% ของยอดหนี้คงค้างเพื่อปิดหนี้ได้ทันที ซึ่งพิจารณาจะขยายวงเงินเป็น 10,000 บาท เมื่อปิดหนี้หมดสามารถกู้สินเชื่อใหม่ได้

นอกจากนี้ ตัวเลขหนี้ที่ยังไม่เห็นลดลง สาเหตุที่ยังไม่ลงอย่างมีสาระสำคัญ เพราะเป็นส่วนของผู้ประกอบธุรกิจไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ซึ่งจำหนวนหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในนอนแบงก์ และอยู่ในหนี้ประเภทรถยนต์

นายพิชัยกล่าวว่า กระทรวงการคลัง เตรียมมาตรการใหม่ เช่น จะคุยกับนอนแบงก์ เพื่อเพิ่มการซื้อรถขายได้มากขึ้น โดยเฉพาะรถกระบะ จึงมีแนวคิดจากรถกระบะเก่าอายุ 20-25 ปี จะดึงรถเหล่านี้กลับเข้ามา และสามารถขายรถคันใหม่ โดยที่รัฐบาลตั้งเงื่อนไขภาษีที่ดึงดูดใจ ทำให้เจ้าของรถอยากซื้อคืน

โดยแนวคิดเบื้องต้น คือ ให้สามารถนำรถกระบะที่มีอายุ 20-25 ปี ซึ่งปล่อยมลพิษเยอะ โดยจะต้องมีมาตรการเพื่อดึงรถในกลุ่มนี้เข้ามา และให้เจ้าของสามารถซื้อรถคันใหม่ได้ โดยตั้งภาษีที่ดึงดูดใจ ซึ่งจะมีกลไกของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันเงินกู้ใหม่

“ทุกอย่างไม่สามารถทำได้ในมาตรการเดียว มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งต้องจับตัวที่มีปัญหาก่อน ก็หวังว่าจะเป็นไปในทางที่หนี้เสียดีขึ้น แต่อัตราการสินเชื่อลดลง จากแบงก์ที่ไม่มีความเชื่อมั่น”นายพิชัยกล่าว