(วันนี้ 23 มิ.ย.68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “โอกาสไทย เวทีไทย เวทีโลก” จัดโดยหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ณ อาคารฟีนิกซ์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ ประกาศความพร้อมผลักดันปี 2568 ให้เป็น “ปีทองของการส่งออก” พร้อมเผยสัญญาณเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน
นายพิชัยระบุว่า “การส่งออก” เป็นแรงขับหลักในการฟื้นเศรษฐกิจ โดยไทยเริ่มเห็นทิศทางบวกตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ส่งออกขยายตัวถึง 10.5% ขณะที่ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวสูงถึง 14.9% โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมโตถึง 18.4%
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สูงถึง 2.58 ล้านล้านบาทในปี 2567 สูงกว่าทุกการคาดการณ์ ขณะที่การส่งออกตลอด 8 เดือนภายใต้รัฐบาลชุดนี้ โตแล้ว 13.3% สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 7.23 ล้านล้านบาท
รมว.พาณิชย์เผยว่า ไทยกำลังกลายเป็นฐานการผลิตเทคโนโลยีระดับสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจร (PCB) และอุปกรณ์ AI รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าอาหารไทยผ่านการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาและ GI เพื่อยกระดับแบรนด์อาหารไทยสู่เวทีโลก
ด้านการเจรจาการค้า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป, เกาหลีใต้, อาเซียน-แคนาดา และ UAE ซึ่งคาดว่าบางฉบับจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันในตลาดโลก
ในประเด็นสินค้าเกษตร รัฐได้ออกมาตรการเชิงรุก 7 มาตรการ 25 แผนงาน เช่น จับมือแอร์เอเชียนำผลไม้ไทยเสิร์ฟบนเครื่องบินกว่า 1,000 ตัน, จัดเทศกาลผลไม้ระดับประเทศ และขายผ่านห้างค้าปลีก พร้อมเร่งเจาะตลาดใหม่อย่างแอฟริกาใต้สำหรับข้าวและมันสำปะหลัง
นอกจากนี้ รัฐยังส่งเสริมร้านอาหารไทยในต่างแดนภายใต้โครงการ “Thai SELECT” ที่รีแบรนด์ใหม่พร้อมติดดาวระดับ Michelin เพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวไทย โดยเตรียมจัดกิจกรรมใหญ่ที่นิวยอร์กในเดือนหน้า
กระทรวงยังมีแผนเชื่อมโยงสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกับทูตพาณิชย์ทั่วโลก และเตรียมพัฒนาแอปพลิเคชันเชื่อมโยงการค้าแบบครบวงจร เพื่อผลักดันสินค้าไทยทุกภูมิภาคสู่ตลาดโลกโดยตรง
นายพิชัยยังระบุถึงการจัดการธุรกิจผิดกฎหมาย โดยดำเนินคดีแล้วกว่า 57,000 คดี และตรวจสอบบริษัทนอมินีทั่วประเทศกว่า 46,000 ราย เพื่อสร้างความโปร่งใสให้กับระบบเศรษฐกิจ
“ผมมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยกำลังกลับมาฟื้นตัวอย่างแท้จริง ถ้าเราช่วยกันผลักดัน ปีนี้ส่งออกโตเกิน 10% ได้แน่นอน” นายพิชัยกล่าว พร้อมขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเดินหน้าเศรษฐกิจไทยไปในทิศทางที่ยั่งยืน